คณะรัฐมนตรีอนุมัติการแก้ไขปัญหาการชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความล่าช้าเนื่องจากมีข้อจำกัด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคล่องตัว การตรวจสอบและอนุมัติเงินชดเชยเงินเพิ่มตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) เป็นไปอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับนโยบายปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้สามารถบรรเทาภาวะความเดือดร้อนเนื่องจากการขาดสภาพคล่องของผู้รับจ้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเป็นการส่งเสริมมาตรการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบของสำนักงบประมาณให้แก่ส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงระบบการจัดการงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน จึงอนุมัติการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้
1. ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0203/ว 109 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2532 โดยมอบอำนาจให้หน่วยงานภาครัฐเจ้าของสัญญาจ้างก่อสร้างแบบปรับราคาได้ (ค่า K) มีอำนาจในการพิจารณาคำนวณเงินเพิ่มหรือลด และอนุมัติจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ ในชั้นต้นเห็นควรมอบอำนาจให้สำหรับสัญญาจ้างที่มีวงเงินค่าจ้างไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยใช้คู่มือและเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณจัดทำขึ้น เพื่อให้การตรวจสอบเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกหน่วยงาน และให้สำนักงบประมาณมีอำนาจแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติและกำหนดแนวทางปฏิบัติได้ตามความจำเป็น โดยให้ถือคำวินิจฉัยของสำนักงบประมาณเป็นที่สิ้นสุด ทั้งนี้ งานจ้างเหมาก่อสร้างของทางราชการทุกประเภทที่ต้องนำสัญญาแบบปรับราคาได้มาใช้ หากจะมีการกำหนดข้อตกลงกรณีพิพาทเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาให้เสนอต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาดไว้ในสัญญาด้วยขอให้ระบุข้อยกเว้นให้ชัดเจนว่าไม่รวมถึงเรื่องการพิจารณาตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ โดยให้ถือการพิจารณาวินิจฉัยของสำนักงบประมาณเป็นที่สิ้นสุดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532
ทั้งนี้ เมื่อได้อนุมัติตามข้อ 1 แล้วให้รายงานสำนักงบประมาณเพื่อทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันอนุมัติ และในการดำเนินงานตามข้อ 1 ให้มีมาตรการรองรับการใช้เงิน ดังนี้
1) เรื่องการอนุมัติจ่ายเงินงบประมาณ เนื่องจากได้มีระเบียบบริหารงบประมาณ กำหนดแนวทางเรื่องการอนุมัติจ่ายเงินงบประมาณรายการเงินงบกลาง และเงินงบประมาณเหลือจ่ายของส่วนราชการ จึงต้องมีมาตรการมอบหมายในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
เงินเหลือจ่ายของส่วนราชการ
โดยปกติการใช้จ่ายเงินชดเชยต่าง ๆ จะต้องเจียดจ่ายจากเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการเป็นอันดับแรก โดยอนุมัติจากเงินประจำงวดเหลือจ่ายของส่วนราชการรายการสิ่งก่อสร้าง ซึ่งสำนักงบประมาณจะมอบอำนาจให้ส่วนราชการมีอำนาจในการอนุมัติจ่ายเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ส่วนกรณีอนุมัติเงินงบประมาณเหลือจ่ายทั่วไป ให้ขออนุมัติจากสำนักงบประมาณตามปกติ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะไม่อนุมัติให้โอนเงินเหลือจ่ายไปใช้ในรายการใด ๆ จนกว่าส่วนราชการจะหมดภาระการจ่ายเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) แล้ว
เงินงบกลาง
กรณีส่วนราชการได้พิจารณาอนุมัติตามข้อ 1 แล้ว แต่ไม่มีเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการโอนมาใช้ได้ จะต้องขอใช้จ่ายเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) จากเงินงบกลาง ให้ส่วนราชการเสนอขออนุมัติจัดสรรต่อสำนักงบประมาณ
2) เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบ
เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงมีความจำเป็นต้องมีการดำเนินการ ดังนี้
(1) ให้ส่วนราชการดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยใช้คู่มือการตรวจสอบ และคำนวณเงินชดเชยเงินเพิ่มตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และสูตร ของมติคณะรัฐมนตรี ที่สำนักงบประมาณจัดทำขึ้น
(2) สำนักงบประมาณจะเตรียมความพร้อมของส่วนราชการต่าง ๆ โดยจัดการฝึกอบรมในรูปของหน่วยเฉพาะกิจเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว โดยจัดกลุ่ม หรือคณะวิทยากร ชี้แจง ถ่ายทอดและทำความเข้าใจให้กับส่วนราชการ
2. การกระจายอำนาจความรับผิดชอบของสำนักงบประมาณในการตรวจสอบและอนุมัติเงินเพิ่มตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้แก่หน่วยงานภาครัฐดังกล่าวข้างต้น เพื่อมิให้เกิดความยุ่งยากและเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ รวมทั้งจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานภาครัฐนำไปปฏิบัติ ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่ปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
3. มาตรการระยะยาว เนื่องจากการนำสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) มาใช้นั้น ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพในภาวะสินค้ามีราคาเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงผิดปกติ จึงให้มีการยกเลิกเงื่อนไขหลักเกณฑ์การนำสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่งบประมาณประจำปี โดยขอให้สำนักงบประมาณศึกษาถึงผลดีผลเสีย และผลกระทบแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 5 มิ.ย. 2544
-สส-
1. ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0203/ว 109 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2532 โดยมอบอำนาจให้หน่วยงานภาครัฐเจ้าของสัญญาจ้างก่อสร้างแบบปรับราคาได้ (ค่า K) มีอำนาจในการพิจารณาคำนวณเงินเพิ่มหรือลด และอนุมัติจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ ในชั้นต้นเห็นควรมอบอำนาจให้สำหรับสัญญาจ้างที่มีวงเงินค่าจ้างไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยใช้คู่มือและเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณจัดทำขึ้น เพื่อให้การตรวจสอบเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกหน่วยงาน และให้สำนักงบประมาณมีอำนาจแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติและกำหนดแนวทางปฏิบัติได้ตามความจำเป็น โดยให้ถือคำวินิจฉัยของสำนักงบประมาณเป็นที่สิ้นสุด ทั้งนี้ งานจ้างเหมาก่อสร้างของทางราชการทุกประเภทที่ต้องนำสัญญาแบบปรับราคาได้มาใช้ หากจะมีการกำหนดข้อตกลงกรณีพิพาทเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาให้เสนอต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาดไว้ในสัญญาด้วยขอให้ระบุข้อยกเว้นให้ชัดเจนว่าไม่รวมถึงเรื่องการพิจารณาตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ โดยให้ถือการพิจารณาวินิจฉัยของสำนักงบประมาณเป็นที่สิ้นสุดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532
ทั้งนี้ เมื่อได้อนุมัติตามข้อ 1 แล้วให้รายงานสำนักงบประมาณเพื่อทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันอนุมัติ และในการดำเนินงานตามข้อ 1 ให้มีมาตรการรองรับการใช้เงิน ดังนี้
1) เรื่องการอนุมัติจ่ายเงินงบประมาณ เนื่องจากได้มีระเบียบบริหารงบประมาณ กำหนดแนวทางเรื่องการอนุมัติจ่ายเงินงบประมาณรายการเงินงบกลาง และเงินงบประมาณเหลือจ่ายของส่วนราชการ จึงต้องมีมาตรการมอบหมายในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
เงินเหลือจ่ายของส่วนราชการ
โดยปกติการใช้จ่ายเงินชดเชยต่าง ๆ จะต้องเจียดจ่ายจากเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการเป็นอันดับแรก โดยอนุมัติจากเงินประจำงวดเหลือจ่ายของส่วนราชการรายการสิ่งก่อสร้าง ซึ่งสำนักงบประมาณจะมอบอำนาจให้ส่วนราชการมีอำนาจในการอนุมัติจ่ายเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ส่วนกรณีอนุมัติเงินงบประมาณเหลือจ่ายทั่วไป ให้ขออนุมัติจากสำนักงบประมาณตามปกติ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะไม่อนุมัติให้โอนเงินเหลือจ่ายไปใช้ในรายการใด ๆ จนกว่าส่วนราชการจะหมดภาระการจ่ายเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) แล้ว
เงินงบกลาง
กรณีส่วนราชการได้พิจารณาอนุมัติตามข้อ 1 แล้ว แต่ไม่มีเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการโอนมาใช้ได้ จะต้องขอใช้จ่ายเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) จากเงินงบกลาง ให้ส่วนราชการเสนอขออนุมัติจัดสรรต่อสำนักงบประมาณ
2) เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบ
เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงมีความจำเป็นต้องมีการดำเนินการ ดังนี้
(1) ให้ส่วนราชการดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยใช้คู่มือการตรวจสอบ และคำนวณเงินชดเชยเงินเพิ่มตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และสูตร ของมติคณะรัฐมนตรี ที่สำนักงบประมาณจัดทำขึ้น
(2) สำนักงบประมาณจะเตรียมความพร้อมของส่วนราชการต่าง ๆ โดยจัดการฝึกอบรมในรูปของหน่วยเฉพาะกิจเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว โดยจัดกลุ่ม หรือคณะวิทยากร ชี้แจง ถ่ายทอดและทำความเข้าใจให้กับส่วนราชการ
2. การกระจายอำนาจความรับผิดชอบของสำนักงบประมาณในการตรวจสอบและอนุมัติเงินเพิ่มตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้แก่หน่วยงานภาครัฐดังกล่าวข้างต้น เพื่อมิให้เกิดความยุ่งยากและเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ รวมทั้งจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานภาครัฐนำไปปฏิบัติ ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่ปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
3. มาตรการระยะยาว เนื่องจากการนำสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) มาใช้นั้น ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพในภาวะสินค้ามีราคาเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงผิดปกติ จึงให้มีการยกเลิกเงื่อนไขหลักเกณฑ์การนำสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่งบประมาณประจำปี โดยขอให้สำนักงบประมาณศึกษาถึงผลดีผลเสีย และผลกระทบแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 5 มิ.ย. 2544
-สส-