ทำเนียบรัฐบาล--26 ธ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้ผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 และวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ในเรื่องเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ป่าชายเลน เพื่อให้กรมเจ้าท่าใช้พื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองบางโรง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 0.602 ไร่ ซึ่งการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว เป็นการก่อสร้างทดแทนท่าเทียบเรือเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในท้องถิ่นและส่วนรวม ทั้งในด้านความปลอดภัยของผู้โดยสาร ความสะดวกในการขนส่งสินค้า และส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว อันเป็นการสร้างเสริมสภาพเศรษฐกิจของท้องถิ่นและของประเทศ แต่เนื่องจากพื้นที่ที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งต้องขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต (นางอัญชลี วานิชเทพบุตร) ว่าราษฎรบ้านบางโรง หมูที่ 3 ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีท่าเทียบเรือที่ได้มาตรฐานใช้สัญจร และจากการสำรวจสภาพพื้นที่ของกรมเจ้าท่าพบว่า ท่าเทียบเรือคลองบางโรงได้มีการเปิดใช้มานานแล้ว แต่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถใช้การได้ ปัจจุบันราษฎรได้ใช้เรือจอดเทียบข้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง และใช้ไม้กระดานวางพาดระหว่างสันเขื่อนกับตัวเรือ เพื่อเป็นสะพานทางเดินและขนถ่ายสินค้าซึ่งไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสาร และไม่สะดวกในการขนถ่ายสินค้า กรมเจ้าท่าจึงได้เสนอโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองบางโรง จังหวัดภูเก็ต ทดแทนท่าเทียบเรือเดิม โดยได้ออกแบบให้โครงการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและป่าชายเลนน้อยที่สุดเป็นสำคัญ ซึ่งใช้พื้นที่ทั้งสิ้น 0.602 ไร่ โดยจะก่อสร้างท่าเทียบเรือชิดกับเขื่อนเรียงหินป้องกันตลิ่งพังริมคลองบางโรงที่มีอยู่เดิม ซึ่งเขื่อนมีความยาวประมาณ 81 เมตร ส่วนท่าเทียบเรือตามโครงการของกรมเจ้าท่ามีหน้าท่ายาวเพียง 60 เมตร ยื่นล่วงล้ำลำคลองบางโรง 20 เมตร และการก่อสร้างจะไม่มีการตัดต้นไม้ในเขตป่าชายเลนแต่อย่างใด ประกอบกับพื้นที่บนฝั่งด้านหลังเขื่อนเรียงหิน เป็นพื้นที่โล่งราบเรียบหมดสภาพของป่าชายเลนแล้ว และกรมเจ้าท่าได้มีหนังสือถึงจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณคลองบางโรง เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตโดยคณะกรรมการป้องกันและหยุดยั้งการบุกรุกที่ดินในเขตป่าชายเลยจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งว่าไม่ขัดข้องในหลักการที่ให้กรมเจ้าท่าใช้พื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าว ประกอบกับในปีงบประมาณ 2543 - 2544 กรมเจ้าท่าได้รับงบประมาณก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองบางโรงจังหวัดภูเก็ต จำนวน 21 ล้านบาทด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 ธ.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้ผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 และวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ในเรื่องเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ป่าชายเลน เพื่อให้กรมเจ้าท่าใช้พื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองบางโรง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 0.602 ไร่ ซึ่งการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว เป็นการก่อสร้างทดแทนท่าเทียบเรือเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในท้องถิ่นและส่วนรวม ทั้งในด้านความปลอดภัยของผู้โดยสาร ความสะดวกในการขนส่งสินค้า และส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว อันเป็นการสร้างเสริมสภาพเศรษฐกิจของท้องถิ่นและของประเทศ แต่เนื่องจากพื้นที่ที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งต้องขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต (นางอัญชลี วานิชเทพบุตร) ว่าราษฎรบ้านบางโรง หมูที่ 3 ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีท่าเทียบเรือที่ได้มาตรฐานใช้สัญจร และจากการสำรวจสภาพพื้นที่ของกรมเจ้าท่าพบว่า ท่าเทียบเรือคลองบางโรงได้มีการเปิดใช้มานานแล้ว แต่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถใช้การได้ ปัจจุบันราษฎรได้ใช้เรือจอดเทียบข้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง และใช้ไม้กระดานวางพาดระหว่างสันเขื่อนกับตัวเรือ เพื่อเป็นสะพานทางเดินและขนถ่ายสินค้าซึ่งไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสาร และไม่สะดวกในการขนถ่ายสินค้า กรมเจ้าท่าจึงได้เสนอโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองบางโรง จังหวัดภูเก็ต ทดแทนท่าเทียบเรือเดิม โดยได้ออกแบบให้โครงการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและป่าชายเลนน้อยที่สุดเป็นสำคัญ ซึ่งใช้พื้นที่ทั้งสิ้น 0.602 ไร่ โดยจะก่อสร้างท่าเทียบเรือชิดกับเขื่อนเรียงหินป้องกันตลิ่งพังริมคลองบางโรงที่มีอยู่เดิม ซึ่งเขื่อนมีความยาวประมาณ 81 เมตร ส่วนท่าเทียบเรือตามโครงการของกรมเจ้าท่ามีหน้าท่ายาวเพียง 60 เมตร ยื่นล่วงล้ำลำคลองบางโรง 20 เมตร และการก่อสร้างจะไม่มีการตัดต้นไม้ในเขตป่าชายเลนแต่อย่างใด ประกอบกับพื้นที่บนฝั่งด้านหลังเขื่อนเรียงหิน เป็นพื้นที่โล่งราบเรียบหมดสภาพของป่าชายเลนแล้ว และกรมเจ้าท่าได้มีหนังสือถึงจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณคลองบางโรง เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตโดยคณะกรรมการป้องกันและหยุดยั้งการบุกรุกที่ดินในเขตป่าชายเลยจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งว่าไม่ขัดข้องในหลักการที่ให้กรมเจ้าท่าใช้พื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าว ประกอบกับในปีงบประมาณ 2543 - 2544 กรมเจ้าท่าได้รับงบประมาณก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองบางโรงจังหวัดภูเก็ต จำนวน 21 ล้านบาทด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 ธ.ค. 2543--
-สส-