การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ และร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ และร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบในหลักการ ดังนี้
1. การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ และให้ใช้หลักการเดียวกันนี้กับข้าราชการทุกประเภทในสังกัดฝ่ายบริหาร
2. ร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2535 ว่าด้วยการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติให้มีการปรับปรุงการเลื่อนขั้นค่าจ้าง การให้เงินเพิ่มพิเศษ ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการกับลูกจ้างของส่วนราชการไปพร้อมกันด้วย โดยให้ใช้หลักการเดียวกับข้าราชการ
สำนักงาน ก.พ. รายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการและระบบค่าตอบแทนภาครัฐให้เกิดความเป็นธรรม สอดคล้องกับค่าครองชีพและสามารถเทียบเคียงกับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของข้าราชการและราชการสู่ความเป็นมืออาชีพในระดับสากล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2544 เพื่อจัดทำข้อเสนอการปฏิรูประบบค่าตอบแทนภาครัฐตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยเห็นว่าควรแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ
1. ระยะยาว ต้องปฏิรูประบบค่าตอบแทนภาครัฐทั้งระบบในภาพรวมครอบคลุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท โดยแยกระบบบัญชีเงินเดือนข้าราชการเป็นกลุ่มอาชีพเพื่อให้สามารถเทียบเคียงกับภาคเอกชนได้ ในการนี้ต้องแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ปรับปรุงระบบจำแนกตำแหน่ง ปรับเปลี่ยนระบบสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาและใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นหลายหมื่นล้านบาท จึงควรดำเนินการเมื่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคงแล้ว
2. ระยะสั้น ต้องเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการโดยการใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และผูกการเลื่อนขั้นเงินเดือนและการให้รางวัลกับ "งานที่เกิดผลดีขึ้น" หรือ "งานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น" เพื่อให้ข้าราชการตื่นตัวในการปรับปรุงการทำงานอย่างสม่ำเสมอ อันจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงภาคเอกชนและประชาชนเป็นที่ยอมรับของสังคม ทั้งนี้ ให้เร่งจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ ซึ่งเป็นแนวทางระยะสั้นก่อน
ต่อมาสำนักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง จึงได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ เสนอ ก.พ. เพื่อพิจารณา และ ก.พ. ได้มีมติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2544 เห็นชอบให้ดำเนินการปฏิรูประบบค่าตอบแทนภาครัฐตามแนวทางระยะสั้น ตามข้อ 2 ก่อน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา โดยให้ใช้หลักการเดียวกันนี้กับข้าราชการทุกประเภทในสังกัดฝ่ายบริหาร เช่น ข้าราชการครู ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการทหาร และข้าราชการอัยการ เป็นต้น และได้ยกร่างกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อประกอบการพิจารณาให้บำเหน็จความชอบแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญให้เป็นไปตามผลงานและผลสัมฤทธิ์ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้ทุกส่วนราชการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ จัดทำเป้าหมายดัชนีชี้วัดผลสัมฤทธิ์ของงานที่เป็นรูปธรรมจัดทำข้อตกลงผลงาน
2. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างเดือนตุลาคม - มีนาคม และครั้งที่สองเดือนเมษายน - กันยายน
3. ให้จ่ายค่าตอบแทนตามผลสัมฤทธิ์ คือ จ่ายให้กับ "งานที่เกิดผลดีขึ้น" หรือ "งานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น" โดยมีหลักการสำคัญ 3 ประการ
3.1 จ่ายตามผลสัมฤทธิ์ของงาน คือ ผู้มีผลงานและมีผลสำเร็จของงานเท่านั้นที่จะได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือเงินตอบแทนพิเศษ
3.2 จ่ายทันทีที่ทราบผลการประเมินการปฏิบัติงาน โดยให้เลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลงานและผลสัมฤทธิ์ปีละ 2 ครั้ง สอดรับกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน
3.3 ให้การตอบแทนต่อผู้ที่สร้างผลงานดีเด่นอย่างสม่ำเสมอ โดยมีเงินรางวัลประจำปีเป็นมูลค่าไม่เกินเงินเดือนหนึ่งเดือน
4. ให้มีคณะกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชกาาร เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและกำกับให้ส่วนราชการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อ 1 - 3 และให้นำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2540 เรื่องระบบเปิดในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการมาใช้โดยอนุโลม ตลอดจนให้ถือเป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนและให้เงินรางวัลประจำปีแก่ข้าราชการตามหลักคุณธรรมบนพื้นฐานของประสิทธิผลประสิทธิภาพ ความประหยัด และความคุ้มค่า นอกจากนี้ เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรม สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
ให้มีการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการของส่วนราชการต่าง ๆ โดยในระยะแรกให้คณะกรรมการตรวจสอบระดับกระทรวงซึ่งเป็นกลไกที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ทำหน้าที่ดังกล่าว และให้มีคณะกรรมการตรวจสอบระดับกรมเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ดังกล่าวในระยะต่อไป
5. ให้ปรับปรุงระบบการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลสัมฤทธิ์โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 และให้กำหนดกรอบวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือน ดังนี้
5.1 การเลื่อนขั้นเงินเดือนในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี ให้มีโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้นสำหรับผู้มีผลงานและผลสัมฤทธิ์ดีเด่น ได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม และ
5.2 การเลื่อนขั้นเงินเดือนในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ให้เลื่อนได้ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้าราชการ ณ วันที่ 1 กันยายน โดยให้นำวงเงินที่ได้ใช้เลื่อนเงินเดือนไปแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน มาหักออกก่อน ในการนี้ ต้องยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
ให้มีเงินรางวัลประจำปีจ่ายครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544
ทั้งนี้ ให้นำเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการและเงินที่ส่วนราชการประหยัดได้จากการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลมาใช้เพื่อดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวข้างต้น หากยังไม่พอ จึงใช้งบกลาง
6. มอบหมายให้ส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ ไปดำเนินการ ดังนี้
6.1 ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าวในลักษณะเดียวกับกฎ ก.พ.
6.2 ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพื่อรองรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลสัมฤทธิ์ปีละ 2 ครั้ง
6.3 ให้จัดตั้งคณะกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ ทำหน้าที่ให้คำแนะนะปรึกษาแก่ส่วนราชการในการจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผล จัดทำข้อตกลงผลงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน ตลอดจนให้ความเห็นชอบการจัดกรอบโควตาการให้เงินรางวัลประจำปี
6.4 ให้คณะกรรมการตรวจสอบระดับกระทรวงทำหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการของส่วนราชการต่าง ๆ
6.5 ให้กระทรวงการคลังยกร่างพระราชกฤษฎีกาหรือระเบียบกระทรวงการคลังเพื่อจ่ายเงินตอบแทนพิเศษ และเพื่อจ่ายเงินรางวัลประจำปี ตลอดจนจัดทำข้อเสนอเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบระดับกรมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
6.6 ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหลักการข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ
สาระสำคัญของร่างกฎ ก.พ. มีดังนี้
1. กฎ ก.พ. นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. ให้ยกเลิกกฎ ก.พ. ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2538) และกฎ ก.พ. ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือน
3. กำหนดนิยามคำว่า "ปี" "ครึ่งปีแรก" "ครึ่งปีหลัง" "ครึ่งปีที่แล้วมา" และ "อธิบดี"
4. ให้ผู้บังคับบัญชาและผู้ที่ได้รับมอบหมายประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญปีละสองครั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กำหนดท้ายกฎ ก.พ. นี้
5. กำหนดหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้เลื่อนปีละสองครั้ง
6. กำหนดหลักเกณฑ์ที่ข้าราชการพลเรือนสามัญจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนครึ่งขั้นในแต่ละครั้ง
7. กำหนดบทเฉพาะกาล เกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกรอการเลื่อนขั้นเงินเดือนไว้ก่อน และการนำผลการปฏิบัติงานและข้อมูลที่ผ่านมาประกอบการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามกฎ ก.พ. นี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 3 เม.ย.2544
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ และร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบในหลักการ ดังนี้
1. การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ และให้ใช้หลักการเดียวกันนี้กับข้าราชการทุกประเภทในสังกัดฝ่ายบริหาร
2. ร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2535 ว่าด้วยการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติให้มีการปรับปรุงการเลื่อนขั้นค่าจ้าง การให้เงินเพิ่มพิเศษ ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการกับลูกจ้างของส่วนราชการไปพร้อมกันด้วย โดยให้ใช้หลักการเดียวกับข้าราชการ
สำนักงาน ก.พ. รายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการและระบบค่าตอบแทนภาครัฐให้เกิดความเป็นธรรม สอดคล้องกับค่าครองชีพและสามารถเทียบเคียงกับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของข้าราชการและราชการสู่ความเป็นมืออาชีพในระดับสากล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2544 เพื่อจัดทำข้อเสนอการปฏิรูประบบค่าตอบแทนภาครัฐตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยเห็นว่าควรแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ
1. ระยะยาว ต้องปฏิรูประบบค่าตอบแทนภาครัฐทั้งระบบในภาพรวมครอบคลุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท โดยแยกระบบบัญชีเงินเดือนข้าราชการเป็นกลุ่มอาชีพเพื่อให้สามารถเทียบเคียงกับภาคเอกชนได้ ในการนี้ต้องแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ปรับปรุงระบบจำแนกตำแหน่ง ปรับเปลี่ยนระบบสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาและใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นหลายหมื่นล้านบาท จึงควรดำเนินการเมื่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคงแล้ว
2. ระยะสั้น ต้องเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการโดยการใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และผูกการเลื่อนขั้นเงินเดือนและการให้รางวัลกับ "งานที่เกิดผลดีขึ้น" หรือ "งานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น" เพื่อให้ข้าราชการตื่นตัวในการปรับปรุงการทำงานอย่างสม่ำเสมอ อันจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงภาคเอกชนและประชาชนเป็นที่ยอมรับของสังคม ทั้งนี้ ให้เร่งจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ ซึ่งเป็นแนวทางระยะสั้นก่อน
ต่อมาสำนักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง จึงได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ เสนอ ก.พ. เพื่อพิจารณา และ ก.พ. ได้มีมติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2544 เห็นชอบให้ดำเนินการปฏิรูประบบค่าตอบแทนภาครัฐตามแนวทางระยะสั้น ตามข้อ 2 ก่อน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา โดยให้ใช้หลักการเดียวกันนี้กับข้าราชการทุกประเภทในสังกัดฝ่ายบริหาร เช่น ข้าราชการครู ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการทหาร และข้าราชการอัยการ เป็นต้น และได้ยกร่างกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อประกอบการพิจารณาให้บำเหน็จความชอบแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญให้เป็นไปตามผลงานและผลสัมฤทธิ์ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้ทุกส่วนราชการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ จัดทำเป้าหมายดัชนีชี้วัดผลสัมฤทธิ์ของงานที่เป็นรูปธรรมจัดทำข้อตกลงผลงาน
2. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างเดือนตุลาคม - มีนาคม และครั้งที่สองเดือนเมษายน - กันยายน
3. ให้จ่ายค่าตอบแทนตามผลสัมฤทธิ์ คือ จ่ายให้กับ "งานที่เกิดผลดีขึ้น" หรือ "งานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น" โดยมีหลักการสำคัญ 3 ประการ
3.1 จ่ายตามผลสัมฤทธิ์ของงาน คือ ผู้มีผลงานและมีผลสำเร็จของงานเท่านั้นที่จะได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือเงินตอบแทนพิเศษ
3.2 จ่ายทันทีที่ทราบผลการประเมินการปฏิบัติงาน โดยให้เลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลงานและผลสัมฤทธิ์ปีละ 2 ครั้ง สอดรับกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน
3.3 ให้การตอบแทนต่อผู้ที่สร้างผลงานดีเด่นอย่างสม่ำเสมอ โดยมีเงินรางวัลประจำปีเป็นมูลค่าไม่เกินเงินเดือนหนึ่งเดือน
4. ให้มีคณะกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชกาาร เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและกำกับให้ส่วนราชการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อ 1 - 3 และให้นำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2540 เรื่องระบบเปิดในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการมาใช้โดยอนุโลม ตลอดจนให้ถือเป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนและให้เงินรางวัลประจำปีแก่ข้าราชการตามหลักคุณธรรมบนพื้นฐานของประสิทธิผลประสิทธิภาพ ความประหยัด และความคุ้มค่า นอกจากนี้ เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรม สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
ให้มีการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการของส่วนราชการต่าง ๆ โดยในระยะแรกให้คณะกรรมการตรวจสอบระดับกระทรวงซึ่งเป็นกลไกที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ทำหน้าที่ดังกล่าว และให้มีคณะกรรมการตรวจสอบระดับกรมเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ดังกล่าวในระยะต่อไป
5. ให้ปรับปรุงระบบการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลสัมฤทธิ์โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 และให้กำหนดกรอบวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือน ดังนี้
5.1 การเลื่อนขั้นเงินเดือนในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี ให้มีโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้นสำหรับผู้มีผลงานและผลสัมฤทธิ์ดีเด่น ได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม และ
5.2 การเลื่อนขั้นเงินเดือนในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ให้เลื่อนได้ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้าราชการ ณ วันที่ 1 กันยายน โดยให้นำวงเงินที่ได้ใช้เลื่อนเงินเดือนไปแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน มาหักออกก่อน ในการนี้ ต้องยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
ให้มีเงินรางวัลประจำปีจ่ายครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544
ทั้งนี้ ให้นำเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการและเงินที่ส่วนราชการประหยัดได้จากการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลมาใช้เพื่อดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวข้างต้น หากยังไม่พอ จึงใช้งบกลาง
6. มอบหมายให้ส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ ไปดำเนินการ ดังนี้
6.1 ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าวในลักษณะเดียวกับกฎ ก.พ.
6.2 ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพื่อรองรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลสัมฤทธิ์ปีละ 2 ครั้ง
6.3 ให้จัดตั้งคณะกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ ทำหน้าที่ให้คำแนะนะปรึกษาแก่ส่วนราชการในการจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผล จัดทำข้อตกลงผลงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน ตลอดจนให้ความเห็นชอบการจัดกรอบโควตาการให้เงินรางวัลประจำปี
6.4 ให้คณะกรรมการตรวจสอบระดับกระทรวงทำหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการของส่วนราชการต่าง ๆ
6.5 ให้กระทรวงการคลังยกร่างพระราชกฤษฎีกาหรือระเบียบกระทรวงการคลังเพื่อจ่ายเงินตอบแทนพิเศษ และเพื่อจ่ายเงินรางวัลประจำปี ตลอดจนจัดทำข้อเสนอเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบระดับกรมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
6.6 ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหลักการข้อเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการ
สาระสำคัญของร่างกฎ ก.พ. มีดังนี้
1. กฎ ก.พ. นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. ให้ยกเลิกกฎ ก.พ. ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2538) และกฎ ก.พ. ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือน
3. กำหนดนิยามคำว่า "ปี" "ครึ่งปีแรก" "ครึ่งปีหลัง" "ครึ่งปีที่แล้วมา" และ "อธิบดี"
4. ให้ผู้บังคับบัญชาและผู้ที่ได้รับมอบหมายประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญปีละสองครั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กำหนดท้ายกฎ ก.พ. นี้
5. กำหนดหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้เลื่อนปีละสองครั้ง
6. กำหนดหลักเกณฑ์ที่ข้าราชการพลเรือนสามัญจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนครึ่งขั้นในแต่ละครั้ง
7. กำหนดบทเฉพาะกาล เกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกรอการเลื่อนขั้นเงินเดือนไว้ก่อน และการนำผลการปฏิบัติงานและข้อมูลที่ผ่านมาประกอบการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามกฎ ก.พ. นี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 3 เม.ย.2544
-สส-