ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจรับทราบตามที่คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ รายงานผลการพิจารณาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำประปาเพื่ออุตสาหกรรม และได้มีมติ ดังนี้
1. สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนนโยบายปิดบ่อบาดาลนั้น ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจและได้รับการยอมรับจากภาคเอกชนว่า หลักการที่สำคัญเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2526 ที่เห็นชอบกับมาตรการป้องกันและแก้ไขวิกฤตการณ์น้ำบาดาลและแผ่นดินทรุดในกรุงเทพมหานคร คือ
1) ให้พยายามลดหรือเลิกการใช้น้ำบาดาล
2) เพิ่มค่าน้ำบาดาลให้สูงขึ้น เพื่อลดการใช้น้ำบาดาลให้น้อยลง และจูงใจให้คนนิยมใช้น้ำประปามากขึ้น
3) พื้นที่ใดมีน้ำประปาใช้ ก็จะเลิกใช้น้ำบาดาล ยกเว้นกรณีการใช้น้ำในกระบวนการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำประปา
2. กรณีขอให้ลดหย่อนค่าใช้น้ำบาดาลในอุตสาหกรรมบางประเภท กรมทรัพยากรธรณีจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาในคณะกรรมการน้ำบาดาลต่อไป
3. การขึ้นอัตราค่าน้ำบาดาลตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นอีกลูกบาศก์เมตรละ 5 บาท ซึ่งทำให้ราคาค่าน้ำบาดาลเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 3.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร เป็น 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ภาคเอกชนเห็นควรให้ขึ้นราคาค่าน้ำบาดาลเป็นไม่เกิน 7 บาทต่อลูกบาศก์เมตร โดยให้เหตุผลว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ระหว่างปรับตัวจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ หากขึ้นราคาค่าน้ำบาดาลในอัตราที่สูงจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการซึ่งใช้น้ำบาดาล
4. ผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ภาคเอกชนได้เสนอข้อมูลผลกระทบจากการเพิ่มอัตราค่าใช้น้ำบาดาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (7 จังหวัด) คิดจากปริมาณน้ำที่ใช้จริง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมมีต้นทุนเพิ่มประมาณ 900,000 บาทต่อวัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 ก.ค. 2543--
-สส-
คณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจรับทราบตามที่คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ รายงานผลการพิจารณาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำประปาเพื่ออุตสาหกรรม และได้มีมติ ดังนี้
1. สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนนโยบายปิดบ่อบาดาลนั้น ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจและได้รับการยอมรับจากภาคเอกชนว่า หลักการที่สำคัญเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2526 ที่เห็นชอบกับมาตรการป้องกันและแก้ไขวิกฤตการณ์น้ำบาดาลและแผ่นดินทรุดในกรุงเทพมหานคร คือ
1) ให้พยายามลดหรือเลิกการใช้น้ำบาดาล
2) เพิ่มค่าน้ำบาดาลให้สูงขึ้น เพื่อลดการใช้น้ำบาดาลให้น้อยลง และจูงใจให้คนนิยมใช้น้ำประปามากขึ้น
3) พื้นที่ใดมีน้ำประปาใช้ ก็จะเลิกใช้น้ำบาดาล ยกเว้นกรณีการใช้น้ำในกระบวนการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำประปา
2. กรณีขอให้ลดหย่อนค่าใช้น้ำบาดาลในอุตสาหกรรมบางประเภท กรมทรัพยากรธรณีจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาในคณะกรรมการน้ำบาดาลต่อไป
3. การขึ้นอัตราค่าน้ำบาดาลตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นอีกลูกบาศก์เมตรละ 5 บาท ซึ่งทำให้ราคาค่าน้ำบาดาลเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 3.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร เป็น 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ภาคเอกชนเห็นควรให้ขึ้นราคาค่าน้ำบาดาลเป็นไม่เกิน 7 บาทต่อลูกบาศก์เมตร โดยให้เหตุผลว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ระหว่างปรับตัวจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ หากขึ้นราคาค่าน้ำบาดาลในอัตราที่สูงจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการซึ่งใช้น้ำบาดาล
4. ผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ภาคเอกชนได้เสนอข้อมูลผลกระทบจากการเพิ่มอัตราค่าใช้น้ำบาดาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (7 จังหวัด) คิดจากปริมาณน้ำที่ใช้จริง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมมีต้นทุนเพิ่มประมาณ 900,000 บาทต่อวัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 ก.ค. 2543--
-สส-