ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
การจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและขยายเวลาการชำระหนี้
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและขยายเวลาการชำระหนี้ ตามมติ
คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรในการประชุม ครั้งที่ 2/2543 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติจัดสรรเงินยืมโดยไม่มีดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 277 ล้านบาท
ให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อดำเนินการตามโครงการสงเคราะห์การทำสวนยาง ปี 2543 แล้วให้
สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางตั้งงบประมาณชดใช้คืนให้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรภายในระยะเวลา 2 ปี
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2544 เป็นต้นไป และหากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำ
สวนยางนำเงินสงเคราะห์ที่เก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร (เงิน CESS) มาชดใช้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
ภายในระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่รับเงินยืมไป
2. อนุมัติให้กรมปศุสัตว์ขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร งบเงินกองทุน
หมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจาก
รัฐบาลญี่ปุ่น ของโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดตรัง จากวันที่ครบกำหนดชำระ (10 มีนาคม 2536) ออกไป
จนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดีโดยให้ได้รับกการยกเว้นค่าเบี้ยปรับ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความเห็นให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือจากมติของ
คณะกรรมการส่งเคราะห์เกษตรกร และมีความเห็นที่เสนอขออนุมัติเป็นหลักการด้วย ส่วนสำนักงบประมาณไม่เห็นควร
ที่จะให้ยืมเงินเพื่อปลูกยางเพิ่มเติมอีก และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับหนี้สินค้างชำระด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาทบทวนเรื่องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินจากกองทุน
สงเคราะห์เกษตรกรและขออนุมัติขยายเวชาการชำระหนี้ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งคืนให้ทบทวน เนื่องจากได้มี
พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองนายกรัฐมนตรีใหม่แล้ว และ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนแล้วยืนยันให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจาณา โดยรายงานว่า
1. ในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2540 ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายให้
การสงเคราะห์เจ้าของสวนยางให้ปลูกยางพันธุ์ดีหรือไม้ยืนต้นอื่นที่มีค่าทางเศรษฐกิจทดแทนยางเก่าประมาณปีละ 230,000 ไร่
(ปี 2541 - 2544) แต่ในปี 2543 สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ได้รับจัดสรร
งบประมาณรวมกับเงินสงเคราะห์ที่จัดเก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร (CESS) สงเคราะห์ได้เพียง 148,000 ไร่
แต่มีผู้ยื่นขอสงเคราะห์ครบตามเป้าหมาย 230,000 ไร่ ดังนั้น สกย. จึงขออนุมัติยืมเงินส่วนที่ขาดอยู่จำนวน 362 ล้านบาท
จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อนำไปสงเคราะห์ปลูกแทนอีกจำนวน 82,000 ไร่ สำหรับเงินจำนวน 362 ล้านบาท
ซึ่ง สกย. ขออนุมัติจัดสรรจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร นั้น ขอจัดสรรเป็นเงินยืมโดยไม่มีดอกเบี้ย (สงเคราะห์ปลูกแทน
82,000 ไร่) คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543 ได้พิจารณารายละเอี่ยด
วงเงินเงินยืมที่ สกย. จะขออนุมัติจัดสรรจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ได้ให้ปรับลดวงเงินยืมจากเดิม 362 ล้านบาท
เหลือ 277.14 ล้านบาท ดังนี้
เกษตรกรจำนวน 6,307 ครัวเรือน พื้นที่ 82,000 ไร่
1. ค่าแรง ไร่ละ 1,914 บาท เป็นเงิน 156,948,000 บาท
2. ค่าวัสดุสงเคราะห์ ไร่ละ 1,205 บาท เป็นเงิน 98,810,000 บาท
3. ค่าบริหารสงเคราะห์ ไร่ละ 203 บาท เป็นเงิน 18,860,000 บาท
4. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม (เฉลี่ย 400 บาท ต่อครัวเรือน) เป็นเงิน 2,522,800 บาท
รวมวงเงินยืมที่จะขออนุมัติทั้งสิ้น เป็นเงิน 277,140,800 บาท
2. ในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรมปศุสัตว์ได้เบิกเงินจากกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุน
เกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ไปดำเนินการตาม
โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดตรัง เต็มจำนวน 3.5 ล้านบาท และได้ครบกำหนดชำระหนี้งวดสุดท้ายแล้ว ตั้งแต่
วันที่ 10 มีนาคม 2536 โดยกรมปศุสัตว์แจ้งว่า มีลูกหนี้เกษตรกรค้างชำระอยู่ จำนวน 40 ราย เป็นเงิน 2,272,202 บาท
และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีแต่ในการฟ้องร้องดำเนินคดีนั้นไม่มีการรวมค่าปรับเกษตรกรไว้ในการบังคับคดีด้วย
ในการนี้ กรมปศุสัตว์จึงขออนุมัติขยายเวลาการชำระหนี้เงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรงบเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับ
อุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตามโครงการความช่วยเหลือเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ของโครงการ
ส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดตรัง จากวันที่ครบกำหนดชำระออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยให้ได้รับการ
ยกเว้นค่าเบี้ยปรับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-
การจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและขยายเวลาการชำระหนี้
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและขยายเวลาการชำระหนี้ ตามมติ
คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรในการประชุม ครั้งที่ 2/2543 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติจัดสรรเงินยืมโดยไม่มีดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 277 ล้านบาท
ให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อดำเนินการตามโครงการสงเคราะห์การทำสวนยาง ปี 2543 แล้วให้
สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางตั้งงบประมาณชดใช้คืนให้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรภายในระยะเวลา 2 ปี
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2544 เป็นต้นไป และหากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำ
สวนยางนำเงินสงเคราะห์ที่เก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร (เงิน CESS) มาชดใช้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
ภายในระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่รับเงินยืมไป
2. อนุมัติให้กรมปศุสัตว์ขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร งบเงินกองทุน
หมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจาก
รัฐบาลญี่ปุ่น ของโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดตรัง จากวันที่ครบกำหนดชำระ (10 มีนาคม 2536) ออกไป
จนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดีโดยให้ได้รับกการยกเว้นค่าเบี้ยปรับ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความเห็นให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือจากมติของ
คณะกรรมการส่งเคราะห์เกษตรกร และมีความเห็นที่เสนอขออนุมัติเป็นหลักการด้วย ส่วนสำนักงบประมาณไม่เห็นควร
ที่จะให้ยืมเงินเพื่อปลูกยางเพิ่มเติมอีก และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับหนี้สินค้างชำระด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาทบทวนเรื่องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินจากกองทุน
สงเคราะห์เกษตรกรและขออนุมัติขยายเวชาการชำระหนี้ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งคืนให้ทบทวน เนื่องจากได้มี
พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองนายกรัฐมนตรีใหม่แล้ว และ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนแล้วยืนยันให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจาณา โดยรายงานว่า
1. ในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2540 ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายให้
การสงเคราะห์เจ้าของสวนยางให้ปลูกยางพันธุ์ดีหรือไม้ยืนต้นอื่นที่มีค่าทางเศรษฐกิจทดแทนยางเก่าประมาณปีละ 230,000 ไร่
(ปี 2541 - 2544) แต่ในปี 2543 สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ได้รับจัดสรร
งบประมาณรวมกับเงินสงเคราะห์ที่จัดเก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร (CESS) สงเคราะห์ได้เพียง 148,000 ไร่
แต่มีผู้ยื่นขอสงเคราะห์ครบตามเป้าหมาย 230,000 ไร่ ดังนั้น สกย. จึงขออนุมัติยืมเงินส่วนที่ขาดอยู่จำนวน 362 ล้านบาท
จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อนำไปสงเคราะห์ปลูกแทนอีกจำนวน 82,000 ไร่ สำหรับเงินจำนวน 362 ล้านบาท
ซึ่ง สกย. ขออนุมัติจัดสรรจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร นั้น ขอจัดสรรเป็นเงินยืมโดยไม่มีดอกเบี้ย (สงเคราะห์ปลูกแทน
82,000 ไร่) คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543 ได้พิจารณารายละเอี่ยด
วงเงินเงินยืมที่ สกย. จะขออนุมัติจัดสรรจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ได้ให้ปรับลดวงเงินยืมจากเดิม 362 ล้านบาท
เหลือ 277.14 ล้านบาท ดังนี้
เกษตรกรจำนวน 6,307 ครัวเรือน พื้นที่ 82,000 ไร่
1. ค่าแรง ไร่ละ 1,914 บาท เป็นเงิน 156,948,000 บาท
2. ค่าวัสดุสงเคราะห์ ไร่ละ 1,205 บาท เป็นเงิน 98,810,000 บาท
3. ค่าบริหารสงเคราะห์ ไร่ละ 203 บาท เป็นเงิน 18,860,000 บาท
4. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม (เฉลี่ย 400 บาท ต่อครัวเรือน) เป็นเงิน 2,522,800 บาท
รวมวงเงินยืมที่จะขออนุมัติทั้งสิ้น เป็นเงิน 277,140,800 บาท
2. ในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรมปศุสัตว์ได้เบิกเงินจากกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุน
เกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ไปดำเนินการตาม
โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดตรัง เต็มจำนวน 3.5 ล้านบาท และได้ครบกำหนดชำระหนี้งวดสุดท้ายแล้ว ตั้งแต่
วันที่ 10 มีนาคม 2536 โดยกรมปศุสัตว์แจ้งว่า มีลูกหนี้เกษตรกรค้างชำระอยู่ จำนวน 40 ราย เป็นเงิน 2,272,202 บาท
และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีแต่ในการฟ้องร้องดำเนินคดีนั้นไม่มีการรวมค่าปรับเกษตรกรไว้ในการบังคับคดีด้วย
ในการนี้ กรมปศุสัตว์จึงขออนุมัติขยายเวลาการชำระหนี้เงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรงบเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับ
อุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตามโครงการความช่วยเหลือเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ของโครงการ
ส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดตรัง จากวันที่ครบกำหนดชำระออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยให้ได้รับการ
ยกเว้นค่าเบี้ยปรับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-