แท็ก
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ ดังนี้
1. การปรับปรุงการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ให้มีความกระชับและปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย
1.1 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขจัดความยากจน รวม 4 คณะ ได้แก่
- คณะอนุกรรมการจัดที่ดิน ที่ทำกิน เอกสารสิทธิ์ และที่อยู่อาศัยคนยากจน มีรองนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการ ศตจ. (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินคนยากจน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสคนยากจนด้านเกษตรกรรม มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสคนยากจนด้านแรงงานและด้านสวัสดิการสังคม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานคณะอนุกรรมการ
1.2 อยู่ในระหว่างการปรับปรุงบทบาทภารกิจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ให้มีบทบาทและภารกิจในการกำกับยุทธศาสตร์ การขจัดความยากจน
2. การแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน แยกเป็น
2.1 การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของประชาชน มีผู้จดทะเบียนไว้ 1.76 ล้านราย มูลหนี้ 136 ล้านบาทเศษ ได้ดำเนินการผ่านการเจรจาหนี้ จำนวน 1.63 ล้านราย มูลหนี้ 125 ล้านบาทเศษ ส่วนที่ยังคงค้างมีจำนวน 127,672 ราย มูลหนี้ 10 ล้านบาทเศษ
รายการ จำนวน (ราย) มูลหนี้ (ล้านบาท)
หนี้นอกระบบ 1,765,033 136,382.83
ลูกหนี้ผ่านการเจรจา 1,637,361 125,573.60
คงเหลือ 127,672 10,809.23
2.2 การแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบของประชาชน ตามข้อมูลของกระทรวงการคลังทั้งสิ้น 2.45 ล้านราย เข้าสู่การเจรจาหนี้ 1,948,360 ราย โดยเจรจาสำเร็จ 185,172 ราย ลูกหนี้และเจ้าหนี้ตกลงกันได้ตามเงื่อนไขเดิม 1.75 ล้านราย ที่เจรจาไม่สำเร็จจำนวน 4,919 ราย
ข้อมูลลูกหนี้ของ เข้าสู่การเจรจา เจรจาสำเร็จ ตกลงได้ตาม เจรจาไม่สำเร็จ
ก.คลัง (ราย) เงื่อนไขเดิม
2,458,690 1,948,360 185,172 1,759,269 4,919
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ผ่านกระบวนการเจรจาหนี้แล้ว จักดำเนินการพัฒนาอาชีพเพื่อให้มีโอกาสและมีรายได้เพิ่ม เพื่อให้มีรายได้เพียงพอในการใช้หนี้และดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข รวมทั้งจักได้พิจารณากำหนดแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องการเข้าสู่ระบบแต่ไม่มีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันให้สามารถเข้าสู่ระบบได้ เช่น การพิจารณาให้รัฐบาลค้ำประกันหนี้ให้ครึ่งหนึ่ง และญาติพี่น้องหรือผู้กู้ค้ำประกันกันเองอีกครึ่งหนึ่ง หรือการจัดตั้งกองทุนรัฐบาลเพื่อค้ำประกันหนี้และค้ำประกันความเสี่ยงอีกทางหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้
3. การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เอกสารสิทธิ์ และที่อยู่อาศัย แยกเป็น
3.1 การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน มีหลักการสำคัญกล่าวคือ ในทุกพื้นที่ของประเทศจะต้องมีเอกสารสิทธิ์กำกับที่ดิน ส่วนเอกสารสิทธิ์ที่ดินจะเป็นประเภทใด เช่น โฉนดที่ดิน สปก. 4-01 หรืออื่น ๆ ก็ให้เป็นไปตามลักษณะของที่ดินนั้น ๆ ทั้งนี้มีโครงการสำคัญ ได้แก่ 1) โครงการสร้างระวางแผนที่ในระบบดิจิทัล ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งที่ดินของเอกชนและของรัฐ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินประเภทต่าง ๆ และระวังแนวเขตที่ดิน และ 2) โครงการเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
3.2 การจัดที่ดินทำกินเพื่อขจัดความยากจน มีหลักการสำคัญกล่าวคือ ให้มีการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คนที่ไม่มีโอกาสได้มีที่ดินทำกินเพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตและครอบครัว ซึ่งจะดำเนินการโดย
- การตรวจสอบกลั่นกรองข้อมูลคนยากจนที่มาจดทะเบียนความต้องการด้านที่ดิน (Demand)
- การสำรวจทรัพยากรที่ดินที่เป็นของรัฐทั่วประเทศ (Supply) เพื่อให้ทราบจำนวนที่ดินของรัฐที่ถือครองอยู่ เพื่อประโยชน์ในการจัดที่ทำกินต่อไป
- การบูรณาการ (Matching) Demand ที่เป็นความต้องการที่ดินทำกินของประชาชน และ Supply ที่เป็นทรัพยากรของรัฐ ให้สามารถตอบสนองต่อปัญหา
- การพัฒนาอาชีพ เพื่อให้ผู้ยากจนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินใช้ประโยชน์จากที่ดินทำกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเน้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- การออกเอกสารสิทธิ์หรือรับรองสิทธิ์แก่คนจนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินและทำประโยชน์ที่ดิน
ทั้งนี้ การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของคนยากจน จะดำเนินการขับเคลื่อนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่อาจดำเนินการนำร่อง 1 อำเภอ 1 จังหวัดก่อน
3.3 การจัดที่อยู่อาศัยคนยากจน โดยให้สิทธิคนจนของโครงการบ้านเอื้ออาทรไปแล้ว 30,327 ราย และดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของคนจนในชนบท รวม 670 ครัวเรือน
4. การแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน โดยได้จัดหางานให้นักเรียน นักศึกษา 266,241 คน ฝึกอาชีพด้านการบริการ สาธารณสุข 2,950 คน และจัดหางานให้ผู้ว่างงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 12,048 คน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 มิถุนายน 2548--จบ--
1. การปรับปรุงการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ให้มีความกระชับและปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย
1.1 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขจัดความยากจน รวม 4 คณะ ได้แก่
- คณะอนุกรรมการจัดที่ดิน ที่ทำกิน เอกสารสิทธิ์ และที่อยู่อาศัยคนยากจน มีรองนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการ ศตจ. (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินคนยากจน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสคนยากจนด้านเกษตรกรรม มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสคนยากจนด้านแรงงานและด้านสวัสดิการสังคม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานคณะอนุกรรมการ
1.2 อยู่ในระหว่างการปรับปรุงบทบาทภารกิจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ให้มีบทบาทและภารกิจในการกำกับยุทธศาสตร์ การขจัดความยากจน
2. การแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน แยกเป็น
2.1 การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของประชาชน มีผู้จดทะเบียนไว้ 1.76 ล้านราย มูลหนี้ 136 ล้านบาทเศษ ได้ดำเนินการผ่านการเจรจาหนี้ จำนวน 1.63 ล้านราย มูลหนี้ 125 ล้านบาทเศษ ส่วนที่ยังคงค้างมีจำนวน 127,672 ราย มูลหนี้ 10 ล้านบาทเศษ
รายการ จำนวน (ราย) มูลหนี้ (ล้านบาท)
หนี้นอกระบบ 1,765,033 136,382.83
ลูกหนี้ผ่านการเจรจา 1,637,361 125,573.60
คงเหลือ 127,672 10,809.23
2.2 การแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบของประชาชน ตามข้อมูลของกระทรวงการคลังทั้งสิ้น 2.45 ล้านราย เข้าสู่การเจรจาหนี้ 1,948,360 ราย โดยเจรจาสำเร็จ 185,172 ราย ลูกหนี้และเจ้าหนี้ตกลงกันได้ตามเงื่อนไขเดิม 1.75 ล้านราย ที่เจรจาไม่สำเร็จจำนวน 4,919 ราย
ข้อมูลลูกหนี้ของ เข้าสู่การเจรจา เจรจาสำเร็จ ตกลงได้ตาม เจรจาไม่สำเร็จ
ก.คลัง (ราย) เงื่อนไขเดิม
2,458,690 1,948,360 185,172 1,759,269 4,919
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ผ่านกระบวนการเจรจาหนี้แล้ว จักดำเนินการพัฒนาอาชีพเพื่อให้มีโอกาสและมีรายได้เพิ่ม เพื่อให้มีรายได้เพียงพอในการใช้หนี้และดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข รวมทั้งจักได้พิจารณากำหนดแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องการเข้าสู่ระบบแต่ไม่มีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันให้สามารถเข้าสู่ระบบได้ เช่น การพิจารณาให้รัฐบาลค้ำประกันหนี้ให้ครึ่งหนึ่ง และญาติพี่น้องหรือผู้กู้ค้ำประกันกันเองอีกครึ่งหนึ่ง หรือการจัดตั้งกองทุนรัฐบาลเพื่อค้ำประกันหนี้และค้ำประกันความเสี่ยงอีกทางหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้
3. การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เอกสารสิทธิ์ และที่อยู่อาศัย แยกเป็น
3.1 การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน มีหลักการสำคัญกล่าวคือ ในทุกพื้นที่ของประเทศจะต้องมีเอกสารสิทธิ์กำกับที่ดิน ส่วนเอกสารสิทธิ์ที่ดินจะเป็นประเภทใด เช่น โฉนดที่ดิน สปก. 4-01 หรืออื่น ๆ ก็ให้เป็นไปตามลักษณะของที่ดินนั้น ๆ ทั้งนี้มีโครงการสำคัญ ได้แก่ 1) โครงการสร้างระวางแผนที่ในระบบดิจิทัล ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งที่ดินของเอกชนและของรัฐ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินประเภทต่าง ๆ และระวังแนวเขตที่ดิน และ 2) โครงการเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
3.2 การจัดที่ดินทำกินเพื่อขจัดความยากจน มีหลักการสำคัญกล่าวคือ ให้มีการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คนที่ไม่มีโอกาสได้มีที่ดินทำกินเพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตและครอบครัว ซึ่งจะดำเนินการโดย
- การตรวจสอบกลั่นกรองข้อมูลคนยากจนที่มาจดทะเบียนความต้องการด้านที่ดิน (Demand)
- การสำรวจทรัพยากรที่ดินที่เป็นของรัฐทั่วประเทศ (Supply) เพื่อให้ทราบจำนวนที่ดินของรัฐที่ถือครองอยู่ เพื่อประโยชน์ในการจัดที่ทำกินต่อไป
- การบูรณาการ (Matching) Demand ที่เป็นความต้องการที่ดินทำกินของประชาชน และ Supply ที่เป็นทรัพยากรของรัฐ ให้สามารถตอบสนองต่อปัญหา
- การพัฒนาอาชีพ เพื่อให้ผู้ยากจนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินใช้ประโยชน์จากที่ดินทำกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเน้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- การออกเอกสารสิทธิ์หรือรับรองสิทธิ์แก่คนจนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินและทำประโยชน์ที่ดิน
ทั้งนี้ การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของคนยากจน จะดำเนินการขับเคลื่อนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่อาจดำเนินการนำร่อง 1 อำเภอ 1 จังหวัดก่อน
3.3 การจัดที่อยู่อาศัยคนยากจน โดยให้สิทธิคนจนของโครงการบ้านเอื้ออาทรไปแล้ว 30,327 ราย และดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของคนจนในชนบท รวม 670 ครัวเรือน
4. การแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน โดยได้จัดหางานให้นักเรียน นักศึกษา 266,241 คน ฝึกอาชีพด้านการบริการ สาธารณสุข 2,950 คน และจัดหางานให้ผู้ว่างงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 12,048 คน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 มิถุนายน 2548--จบ--