คณะรัฐมนตรีพิจารณาการลงนามความตกลงชดเชยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงระบบนำเข้าข้าวของสหภาพยุโรปภายใต้มาตรา 28 ของแกตต์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบตามที่เสนอทั้ง 4 ข้อดังนี้
1. ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสรุปผลการเจรจาขอชดเชยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงระบบนำเข้าข้าวของสหภาพยุโรปภายใต้มาตรา 28 ของแกตต์
2. ให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ตามข้อ 1.
3. ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว
4. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนาม
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า ปัจจุบันไทยมีการส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปเป็นปริมาณเฉลี่ย 115,000 ตัน/ปี การสรุปผลการเจรจาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จะส่งผลให้อัตราภาษีที่เรียกเก็บเริ่มต้นของข้าวขาวอยู่ที่ 145 ยูโร/ตัน ลดลงจากอัตราปัจจุบันที่ 175 ยูโร/ตัน ซึ่งจะส่งผลให้ไทยได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดลงเป็นมูลค่าประมาณ 177 ล้านบาท/ปี ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากโควตาพิเศษ (country specific quota ) ที่อัตราภาษี 0 สำหรับข้าวขาวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 25,768 ตัน/ปี จากโควตาเดิม 21,455 ตัน/ปี (เพิ่มขึ้น 4,313 ตัน/ปี) ซึ่งส่งผลให้ข้าวขาวไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้น และไทยจะได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บของข้าวหัก (อัตรานอกโควตา) จาก 128 ยูโร/ตัน เป็น 65 ยูโร/ตัน คิดเป็นมูลค่าภาษีที่ประหยัดได้ประมาณ 290 ล้านบาท/ปี ซึ่งปัจจุบันไทยส่งออกข้าวหักไปสหภาพยุโรปเฉลี่ยปีละ 90,820 ตัน นอกจากนี้ไทยยังได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีในโควต้าเหลือ 45 ยูโร/ตัน อีกด้วย กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อความตกลงดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์จากการชดเชยโดยเร็ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 สิงหาคม 2548--จบ--
1. ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสรุปผลการเจรจาขอชดเชยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงระบบนำเข้าข้าวของสหภาพยุโรปภายใต้มาตรา 28 ของแกตต์
2. ให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ตามข้อ 1.
3. ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว
4. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนาม
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า ปัจจุบันไทยมีการส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปเป็นปริมาณเฉลี่ย 115,000 ตัน/ปี การสรุปผลการเจรจาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จะส่งผลให้อัตราภาษีที่เรียกเก็บเริ่มต้นของข้าวขาวอยู่ที่ 145 ยูโร/ตัน ลดลงจากอัตราปัจจุบันที่ 175 ยูโร/ตัน ซึ่งจะส่งผลให้ไทยได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดลงเป็นมูลค่าประมาณ 177 ล้านบาท/ปี ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากโควตาพิเศษ (country specific quota ) ที่อัตราภาษี 0 สำหรับข้าวขาวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 25,768 ตัน/ปี จากโควตาเดิม 21,455 ตัน/ปี (เพิ่มขึ้น 4,313 ตัน/ปี) ซึ่งส่งผลให้ข้าวขาวไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้น และไทยจะได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บของข้าวหัก (อัตรานอกโควตา) จาก 128 ยูโร/ตัน เป็น 65 ยูโร/ตัน คิดเป็นมูลค่าภาษีที่ประหยัดได้ประมาณ 290 ล้านบาท/ปี ซึ่งปัจจุบันไทยส่งออกข้าวหักไปสหภาพยุโรปเฉลี่ยปีละ 90,820 ตัน นอกจากนี้ไทยยังได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีในโควต้าเหลือ 45 ยูโร/ตัน อีกด้วย กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อความตกลงดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์จากการชดเชยโดยเร็ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 สิงหาคม 2548--จบ--