ทำเนียบรัฐบาล--12 ธ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรายงานเกี่ยวกับการพิจารณากรณีที่ฝ่ายลาวร้องเรียนผ่านคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงว่า การที่ไทยเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล สร้างความเสียหายในพื้นที่ริมตลิ่ง (แม่น้ำโขง) ฝั่งลาว
ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ได้ประสานมายังกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน เรื่องคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติฝ่ายลาว (LNMC) แจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐบาลไทยได้ติดสินใจสั่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเปิดประตูน้ำโครงการปากมูล เพิ่มขึ้นจาก 3 บานเป็นเปิดทั้งหมด 8 บานนั้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นในพื้นที่ริมตลิ่งฝั่งลาว และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมด้วย ดังนี้ LNMC จึงได้ขอให้ MRCS ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณาดำเนินการเปิดประตูน้ำโดยระมัดระวัง และขอให้ประสานร่วมมือกับฝ่ายลาวโดยใกล้ชิด และแจ้งด้วยว่าฝ่ายลาวจะจัดส่งคณะไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับขอให้ MRCS จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน 5 เมษายน 2538 (MRC Agreement) Article 7 และ Article 8
จากนั้นได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการฯ แม่น้ำโขงว่า คณะเจ้าหน้าที่เทคนิคของฝ่ายลาวจะเดินทางมาปากเซ โขงเจียม และเขื่อนปากมูล ระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2543 โดยฝ่ายลาวได้ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทยและเจ้าหน้าที่ MRCS เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและร่วมปรึกษาหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ประสานงานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อขอความร่วมมือจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่เขื่อนปากมูล ในวันที่ 27 สิงหาคม 2543 แต่ปรากฏว่าในช่วงวันดังกล่าว ไม่มีเจ้าหน้าที่จาก LNMC และ MRCS เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เขื่อนปากมูลตามที่แจ้งมาแต่ประการใด
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า การเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลดังกล่าว เป็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาภายในของไทย ซึ่งไทยมีสิทธิที่จะดำเนินการได้ตราบเท่าที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่อลาว และกรณีนี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย กำลังใช้ความพยายามเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องอันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และฉันมิตรในฐานะประเทศเพื่อนบ้านกัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาให้ความเห็นในเรื่องผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 ธ.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรายงานเกี่ยวกับการพิจารณากรณีที่ฝ่ายลาวร้องเรียนผ่านคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงว่า การที่ไทยเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล สร้างความเสียหายในพื้นที่ริมตลิ่ง (แม่น้ำโขง) ฝั่งลาว
ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ได้ประสานมายังกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน เรื่องคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติฝ่ายลาว (LNMC) แจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐบาลไทยได้ติดสินใจสั่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเปิดประตูน้ำโครงการปากมูล เพิ่มขึ้นจาก 3 บานเป็นเปิดทั้งหมด 8 บานนั้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นในพื้นที่ริมตลิ่งฝั่งลาว และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมด้วย ดังนี้ LNMC จึงได้ขอให้ MRCS ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณาดำเนินการเปิดประตูน้ำโดยระมัดระวัง และขอให้ประสานร่วมมือกับฝ่ายลาวโดยใกล้ชิด และแจ้งด้วยว่าฝ่ายลาวจะจัดส่งคณะไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับขอให้ MRCS จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน 5 เมษายน 2538 (MRC Agreement) Article 7 และ Article 8
จากนั้นได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการฯ แม่น้ำโขงว่า คณะเจ้าหน้าที่เทคนิคของฝ่ายลาวจะเดินทางมาปากเซ โขงเจียม และเขื่อนปากมูล ระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2543 โดยฝ่ายลาวได้ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทยและเจ้าหน้าที่ MRCS เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและร่วมปรึกษาหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ประสานงานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อขอความร่วมมือจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่เขื่อนปากมูล ในวันที่ 27 สิงหาคม 2543 แต่ปรากฏว่าในช่วงวันดังกล่าว ไม่มีเจ้าหน้าที่จาก LNMC และ MRCS เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เขื่อนปากมูลตามที่แจ้งมาแต่ประการใด
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า การเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลดังกล่าว เป็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาภายในของไทย ซึ่งไทยมีสิทธิที่จะดำเนินการได้ตราบเท่าที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่อลาว และกรณีนี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย กำลังใช้ความพยายามเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องอันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และฉันมิตรในฐานะประเทศเพื่อนบ้านกัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาให้ความเห็นในเรื่องผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 ธ.ค. 2543--
-สส-