คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานการมีผลใช้บังคับของพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และให้ความเห็นชอบ ดังนี้
1. ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม มอบหมายผู้บริหารระดับรองปลัดกระทรวง หรือรองอธิบดีขึ้นไป จำนวน1 คน ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (CGEO) ในหน่วยงาน
2. ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหน่วยงานระดับสำนัก/กอง ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชายในหน่วยงาน และจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชายในแผนงาน/โครงการของหน่วยงาน
3. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กำหนดรายละเอียด คุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ของผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง CGEO และบทบาทหน้าที่ของศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย และแจ้งให้หน่วยราชการทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานตามที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า
1. เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ลงนามในพิธีสารเลือกรับดังกล่าว พร้อมทั้งได้มอบสัตยาบันสารต่อพิธีสารเลือกรับฯ ให้แก่สหประชาชาติแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 43 ที่ลงนามในพิธีสารเลือกรับฯ และเป็นประเทศที่ 5 ที่เข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับฯโดยการให้สัตยาบันหลังจากที่สาธารณรัฐเซเนกัล สาธารณรัฐนามิเบีย ราชอาณาจักรเดนมาร์ก และสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ให้สัตยาบันไปแล้วระหว่างวันที่ 26 มกราคม - 9 มิถุนายน 2543 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียที่ให้สัตยาบัน โดยสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ได้ลงนามแล้วแต่ไม่ได้ให้สัตยาบัน ซึ่งพิธีสารเลือกรับดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับ 3 เดือน หลังจากวันที่มีรัฐภาคีให้สัตยาบันครบ 10 ประเทศ
2. องค์การสหประชาชาติแจ้งว่า พิธีสารเลือกรับดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2543โดยพิธีสารเลือกรับฯ ได้กำหนดกลไกกระบวนการร้องเรียน และตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสตรีในรัฐภาคีซึ่งหากมีการละเมิดสิทธิสตรีตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายใต้เขตอำนาจปกครองศาลของรัฐภาคีซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้ถูกละเมิดสิทธิ และได้ดำเนินการโดยมาตรการในประเทศสิ้นสุดแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือดำเนินการล่าช้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม บุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นสามารถเสนอข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีได้ คณะกรรมการฯ จะแจ้งเรื่องร้องเรียนให้รัฐภาคีทราบโดยปกปิดเป็นความลับและรัฐภาคีต้องส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 6 เดือน
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ สามารถเข้ามาสอบสวนกรณีมีการละเมิดสิทธิสตรีอย่างร้ายแรงและเป็นระบบแม้ไม่มีการเสนอเรื่องร้องเรียน แต่จะต้องได้รับความยินยอมจากรัฐภาคีก่อน และการสอบสวนจะปกปิดเป็นความลับ
คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน2543 ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและบทบาทที่เท่าเทียมกันของหญิงและชายอย่างจริงจัง และ กสส.สามารถประสานงานติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างใกล้ชิด จึงเห็นสมควรให้ทุกหน่วยงานมอบหมายผู้นำระดับสูงที่จะกำหนดนโยบายและติดตามการดำเนินงานด้านส่งเสริมบทบาทและความเสมอภาคหญิงชายอย่างต่อเนื่อง และสมควรมอบหมายหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ประสานเพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานที่เสมอภาคระหว่างหญิงชาย จึงได้มีมติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) และการจัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย (Gender Focal Point) ประจำกระทรวง ทบวง กรม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 31 ก.ค.44--
-สส-
1. ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม มอบหมายผู้บริหารระดับรองปลัดกระทรวง หรือรองอธิบดีขึ้นไป จำนวน1 คน ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (CGEO) ในหน่วยงาน
2. ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหน่วยงานระดับสำนัก/กอง ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชายในหน่วยงาน และจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชายในแผนงาน/โครงการของหน่วยงาน
3. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กำหนดรายละเอียด คุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ของผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง CGEO และบทบาทหน้าที่ของศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย และแจ้งให้หน่วยราชการทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานตามที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า
1. เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ลงนามในพิธีสารเลือกรับดังกล่าว พร้อมทั้งได้มอบสัตยาบันสารต่อพิธีสารเลือกรับฯ ให้แก่สหประชาชาติแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 43 ที่ลงนามในพิธีสารเลือกรับฯ และเป็นประเทศที่ 5 ที่เข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับฯโดยการให้สัตยาบันหลังจากที่สาธารณรัฐเซเนกัล สาธารณรัฐนามิเบีย ราชอาณาจักรเดนมาร์ก และสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ให้สัตยาบันไปแล้วระหว่างวันที่ 26 มกราคม - 9 มิถุนายน 2543 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียที่ให้สัตยาบัน โดยสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ได้ลงนามแล้วแต่ไม่ได้ให้สัตยาบัน ซึ่งพิธีสารเลือกรับดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับ 3 เดือน หลังจากวันที่มีรัฐภาคีให้สัตยาบันครบ 10 ประเทศ
2. องค์การสหประชาชาติแจ้งว่า พิธีสารเลือกรับดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2543โดยพิธีสารเลือกรับฯ ได้กำหนดกลไกกระบวนการร้องเรียน และตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสตรีในรัฐภาคีซึ่งหากมีการละเมิดสิทธิสตรีตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายใต้เขตอำนาจปกครองศาลของรัฐภาคีซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้ถูกละเมิดสิทธิ และได้ดำเนินการโดยมาตรการในประเทศสิ้นสุดแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือดำเนินการล่าช้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม บุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นสามารถเสนอข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีได้ คณะกรรมการฯ จะแจ้งเรื่องร้องเรียนให้รัฐภาคีทราบโดยปกปิดเป็นความลับและรัฐภาคีต้องส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 6 เดือน
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ สามารถเข้ามาสอบสวนกรณีมีการละเมิดสิทธิสตรีอย่างร้ายแรงและเป็นระบบแม้ไม่มีการเสนอเรื่องร้องเรียน แต่จะต้องได้รับความยินยอมจากรัฐภาคีก่อน และการสอบสวนจะปกปิดเป็นความลับ
คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน2543 ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและบทบาทที่เท่าเทียมกันของหญิงและชายอย่างจริงจัง และ กสส.สามารถประสานงานติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างใกล้ชิด จึงเห็นสมควรให้ทุกหน่วยงานมอบหมายผู้นำระดับสูงที่จะกำหนดนโยบายและติดตามการดำเนินงานด้านส่งเสริมบทบาทและความเสมอภาคหญิงชายอย่างต่อเนื่อง และสมควรมอบหมายหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ประสานเพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานที่เสมอภาคระหว่างหญิงชาย จึงได้มีมติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) และการจัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย (Gender Focal Point) ประจำกระทรวง ทบวง กรม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 31 ก.ค.44--
-สส-