แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทรัพยากรธรรมชาติ
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณอ่าวพังงา ตามที่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นเพิ่มเติมและข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณดำเนินการในปี 2545 ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาเจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละส่วนราชการ ส่วนในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับวงเงินงบประมาณรายจ่ายของประเทศต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอว่า ปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยเฉพาะทรัพยากรสัตว์น้ำได้เสื่อมโทรมและลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว จนกระทบถึงวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนสถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูกันอย่างจริงจัง รวมทั้งในส่วนที่ยังใช้ประโยชน์ได้ก็จะต้องมีการใช้อย่างระมัดระวังและแบ่งปันกันอย่างเป็นธรรม สถานการณ์เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งและการแย่งชิงกันมากขึ้นในอนาคต
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจึงได้ร่วมกับจังหวัดพังงาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหามาตรการและกำหนดแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณอ่าวพังงา และมอบให้จังหวัดพังงาเป็นแกนกลางในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณอ่าวพังงา โดยประสานความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และประชาชน ในจังหวัดที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวอ่าวพังงาทั้ง 3จังหวัด (พังงา ภูเก็ต และกระบี่) โดยมีจุดมุ่งหมายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายตามพระราช-บัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 การอนุรักษ์ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์อ่าวพังงา การส่งเสริมอาชีพ และการปรับเปลี่ยนอาชีพของชาวประมงที่กระทำผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 3 แผนงาน 13 โครงการ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 53,810,000 บาท แยกเป็น
1. แผนงานด้านการป้องกันและปราบปราม จำนวน 7 โครงการ ใช้งบประมาณ 26,580,000 บาท
2. แผนงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟู จำนวน 4 โครงการ ใช้งบประมาณ 25,330,000 บาท
3. แผนงานด้านการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ จำนวน 2 โครงการ ใช้งบประมาณ 1,900,000 บาท
สำหรับด้านการบริหารจัดการให้มีคณะทำงานติดตามประเมินผล โดยประกอบด้วยตัวแทนภาคราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนภาคเอกชน องค์กรประชาชน กลุ่มประมงพื้นบ้าน ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั้ง 3 จังหวัด เป็นคณะทำงานฯ มีหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าของการปฏิบัติตามแผน รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อนำมากำหนดมาตรการ รวมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหาและให้รายงานผลให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติทราบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 ต.ค. 44--
-สส-
ทั้งนี้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอว่า ปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยเฉพาะทรัพยากรสัตว์น้ำได้เสื่อมโทรมและลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว จนกระทบถึงวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนสถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูกันอย่างจริงจัง รวมทั้งในส่วนที่ยังใช้ประโยชน์ได้ก็จะต้องมีการใช้อย่างระมัดระวังและแบ่งปันกันอย่างเป็นธรรม สถานการณ์เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งและการแย่งชิงกันมากขึ้นในอนาคต
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจึงได้ร่วมกับจังหวัดพังงาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหามาตรการและกำหนดแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณอ่าวพังงา และมอบให้จังหวัดพังงาเป็นแกนกลางในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณอ่าวพังงา โดยประสานความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และประชาชน ในจังหวัดที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวอ่าวพังงาทั้ง 3จังหวัด (พังงา ภูเก็ต และกระบี่) โดยมีจุดมุ่งหมายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายตามพระราช-บัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 การอนุรักษ์ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์อ่าวพังงา การส่งเสริมอาชีพ และการปรับเปลี่ยนอาชีพของชาวประมงที่กระทำผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 3 แผนงาน 13 โครงการ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 53,810,000 บาท แยกเป็น
1. แผนงานด้านการป้องกันและปราบปราม จำนวน 7 โครงการ ใช้งบประมาณ 26,580,000 บาท
2. แผนงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟู จำนวน 4 โครงการ ใช้งบประมาณ 25,330,000 บาท
3. แผนงานด้านการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ จำนวน 2 โครงการ ใช้งบประมาณ 1,900,000 บาท
สำหรับด้านการบริหารจัดการให้มีคณะทำงานติดตามประเมินผล โดยประกอบด้วยตัวแทนภาคราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนภาคเอกชน องค์กรประชาชน กลุ่มประมงพื้นบ้าน ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั้ง 3 จังหวัด เป็นคณะทำงานฯ มีหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าของการปฏิบัติตามแผน รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อนำมากำหนดมาตรการ รวมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหาและให้รายงานผลให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติทราบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 ต.ค. 44--
-สส-