ทำเนียบรัฐบาล--1 ส.ค.--นิวส์สแตนด์
2. เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. .... ที่ได้แก้ไขปรับปรุงตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างระเบียบฯ ดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันวันที่ 23 พฤศจิกายน 2542 ให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ได้มีการปรับปรุงแก้ไขคำว่า "ส่วนราชการ" เป็นคำว่า "หน่วยงานภาครัฐ" เพื่อให้ครอบคลุมถึงกระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเทียบเท่ากรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และหมายความรวมถึงรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนองค์กรอื่น ๆ ของรัฐ โดยกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดโดยเร็ว หากเห็นว่าคำชี้ขาดนั้นชอบด้วยกฎหมาย และได้เพิ่มในส่วนของการให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดของ อนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทระหว่างสถาบันการลงทุนพหุภาคีกับหน่วยงานภาครัฐ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง
ร่างระเบียบฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
1. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับกับ "หน่วยงานภาครัฐ" ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเทียบเท่ากรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และรวมทั้งรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนองค์กรอื่น ๆ ของรัฐ
2. ในกรณีหน่วยงานภาครัฐได้ทำสัญญากับเอกชน และมีข้อสัญญาให้ระงับข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง หรือข้อเรียกร้องใด ๆ ที่เกิดจากสัญญาโดยวิธีอนุญาโตตุลาการนั้น หากอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้หน่วยงานภาครัฐเป็นฝ่ายที่จะถูกบังคับและต้องดำเนินการตามคำชี้ขาด และหน่วยงานภาครัฐ เห็นว่าคำชี้ขาดนั้นชอบด้วยกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ข้อพิพาท หรือมิได้เป็นคำชี้ขาดที่เกิดจากการกระทำอันไม่ชอบแล้ว ให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดโดยเร็ว แต่หากเห็นว่าคำชี้ขาดนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ให้ปฏิเสธคำชี้ขาดนั้น และแจ้งเหตุแห่งการปฏิเสธให้คู่กรณีทราบภายใน 15 วัน หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าคำชี้ขาดนั้นจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุสงสัยว่าอยู่ในขอบเขตแห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการ หรือไม่ ก็ให้ดำเนินการขอความเห็นจากสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นเป็นประการใดแล้วให้ปฏิบัติไปตามนั้น
3. กำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องทำความเห็นให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือขอความเห็นจากหน่วยงานภาครัฐนั้น และในกรณีจำเป็นอัยการสูงสุดอาจอนุญาตขยายระยะเวลาทำความเห็นดังกล่าวต่อไปอีก 30 วัน
4. ในกรณีที่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งดำเนินการในชั้นศาล เพื่อขอบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก่อนได้รับแจ้งความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด หากภายหลังสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นยืนยันว่า คำชี้ขาดของ อนุญาโตตุลาการถูกต้องแล้ว ให้หน่วยงานภาครัฐมีอำนาจตกลงประนีประนอมยอมความในศาลเพื่อปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่อไป
5. กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ โดยให้เบิกเงินตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ภายหลังจากได้รับแจ้งผลคำชี้ขาดจากหน่วยงานภาครัฐที่ถูกบังคับตามคำชี้ขาด
6. กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการภายในข้อพิพาทระหว่างสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคีกับหน่วยงานภาครัฐภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 ส.ค. 2543--
-สส-
2. เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. .... ที่ได้แก้ไขปรับปรุงตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างระเบียบฯ ดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันวันที่ 23 พฤศจิกายน 2542 ให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ได้มีการปรับปรุงแก้ไขคำว่า "ส่วนราชการ" เป็นคำว่า "หน่วยงานภาครัฐ" เพื่อให้ครอบคลุมถึงกระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเทียบเท่ากรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และหมายความรวมถึงรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนองค์กรอื่น ๆ ของรัฐ โดยกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดโดยเร็ว หากเห็นว่าคำชี้ขาดนั้นชอบด้วยกฎหมาย และได้เพิ่มในส่วนของการให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดของ อนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทระหว่างสถาบันการลงทุนพหุภาคีกับหน่วยงานภาครัฐ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง
ร่างระเบียบฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
1. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับกับ "หน่วยงานภาครัฐ" ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเทียบเท่ากรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และรวมทั้งรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนองค์กรอื่น ๆ ของรัฐ
2. ในกรณีหน่วยงานภาครัฐได้ทำสัญญากับเอกชน และมีข้อสัญญาให้ระงับข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง หรือข้อเรียกร้องใด ๆ ที่เกิดจากสัญญาโดยวิธีอนุญาโตตุลาการนั้น หากอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้หน่วยงานภาครัฐเป็นฝ่ายที่จะถูกบังคับและต้องดำเนินการตามคำชี้ขาด และหน่วยงานภาครัฐ เห็นว่าคำชี้ขาดนั้นชอบด้วยกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ข้อพิพาท หรือมิได้เป็นคำชี้ขาดที่เกิดจากการกระทำอันไม่ชอบแล้ว ให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดโดยเร็ว แต่หากเห็นว่าคำชี้ขาดนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ให้ปฏิเสธคำชี้ขาดนั้น และแจ้งเหตุแห่งการปฏิเสธให้คู่กรณีทราบภายใน 15 วัน หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าคำชี้ขาดนั้นจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุสงสัยว่าอยู่ในขอบเขตแห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการ หรือไม่ ก็ให้ดำเนินการขอความเห็นจากสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นเป็นประการใดแล้วให้ปฏิบัติไปตามนั้น
3. กำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องทำความเห็นให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือขอความเห็นจากหน่วยงานภาครัฐนั้น และในกรณีจำเป็นอัยการสูงสุดอาจอนุญาตขยายระยะเวลาทำความเห็นดังกล่าวต่อไปอีก 30 วัน
4. ในกรณีที่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งดำเนินการในชั้นศาล เพื่อขอบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก่อนได้รับแจ้งความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด หากภายหลังสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นยืนยันว่า คำชี้ขาดของ อนุญาโตตุลาการถูกต้องแล้ว ให้หน่วยงานภาครัฐมีอำนาจตกลงประนีประนอมยอมความในศาลเพื่อปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่อไป
5. กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ โดยให้เบิกเงินตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ภายหลังจากได้รับแจ้งผลคำชี้ขาดจากหน่วยงานภาครัฐที่ถูกบังคับตามคำชี้ขาด
6. กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการภายในข้อพิพาทระหว่างสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคีกับหน่วยงานภาครัฐภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 ส.ค. 2543--
-สส-