คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า ได้พิจารณาแล้วขอยืนยันในร่างกฎกระทรวงตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมเล็กน้อย ทั้งนี้ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมีข้อสังเกตว่า
1. การกำหนดนับอายุเด็กโดยใช้หลักปีปฏิทิน สมควรให้มีการยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง กล่าวคือ ควรมีการพิจารณาข้อเท็จจริงทางด้านอายุเด็กควบคู่ไปกับการพัฒนาการทางด้านสมองและความพร้อมของการเรียนรู้ด้วย โดยอาจกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมให้มีการเพิ่มหรือลดอายุเด็กที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษานั้น ตามความเหมาะสม และให้เป็นดุลพินิจขององค์กรที่รับผิดชอบหรือผู้บริหารของแต่ละสถานศึกษาแล้วแต่กรณี
2. การนับอายุย่างควรมีการกำหนดบทนิยามหรือให้ความหมายในการนับที่ชัดเจนว่ามีขอบเขตและความหมายอย่างไร
ในการพิจารณาดังกล่าว ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานปลัดกระทรวง) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักงานปฏิรูปการศึกษา และทบวงมหาวิทยาลัยเห็นว่า เมื่อเด็กมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดแล้ว แม้อาจมีความแตกต่างของพัฒนาการทางสมองระหว่างเด็กที่เกิดต้นปีกับปลายปีอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อเด็กที่จะเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ และสถานศึกษาที่เด็กเข้าเรียนก็มีกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมตามความพร้อมในการเรียนรู้ของเด็กนั้น ๆ อยู่แล้ว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า เป็นความเห็นที่เหมาะสมกว่าและสะดวกแก่การนำไปปฏิบัติส่วนการกำหนดนิยามความหมายเกี่ยวกับการนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับนั้น เห็นว่าไม่จำเป็นต้องกำหนดบทนิยามดังกล่าวไว้ในร่างกฎกระทรวงแต่อย่างใด เนื่องจากได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ โดยได้กำหนดหลักเกณฑ์การนับอายุย่างของเด็กที่จะเข้ารับการศึกษาภาคบังคับไว้ชัดเจนแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-
กระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า ได้พิจารณาแล้วขอยืนยันในร่างกฎกระทรวงตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมเล็กน้อย ทั้งนี้ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมีข้อสังเกตว่า
1. การกำหนดนับอายุเด็กโดยใช้หลักปีปฏิทิน สมควรให้มีการยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง กล่าวคือ ควรมีการพิจารณาข้อเท็จจริงทางด้านอายุเด็กควบคู่ไปกับการพัฒนาการทางด้านสมองและความพร้อมของการเรียนรู้ด้วย โดยอาจกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมให้มีการเพิ่มหรือลดอายุเด็กที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษานั้น ตามความเหมาะสม และให้เป็นดุลพินิจขององค์กรที่รับผิดชอบหรือผู้บริหารของแต่ละสถานศึกษาแล้วแต่กรณี
2. การนับอายุย่างควรมีการกำหนดบทนิยามหรือให้ความหมายในการนับที่ชัดเจนว่ามีขอบเขตและความหมายอย่างไร
ในการพิจารณาดังกล่าว ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานปลัดกระทรวง) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักงานปฏิรูปการศึกษา และทบวงมหาวิทยาลัยเห็นว่า เมื่อเด็กมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดแล้ว แม้อาจมีความแตกต่างของพัฒนาการทางสมองระหว่างเด็กที่เกิดต้นปีกับปลายปีอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อเด็กที่จะเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ และสถานศึกษาที่เด็กเข้าเรียนก็มีกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมตามความพร้อมในการเรียนรู้ของเด็กนั้น ๆ อยู่แล้ว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า เป็นความเห็นที่เหมาะสมกว่าและสะดวกแก่การนำไปปฏิบัติส่วนการกำหนดนิยามความหมายเกี่ยวกับการนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับนั้น เห็นว่าไม่จำเป็นต้องกำหนดบทนิยามดังกล่าวไว้ในร่างกฎกระทรวงแต่อย่างใด เนื่องจากได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ โดยได้กำหนดหลักเกณฑ์การนับอายุย่างของเด็กที่จะเข้ารับการศึกษาภาคบังคับไว้ชัดเจนแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-