ทำเนียบรัฐบาล--30 พ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศ แล้วมีมติเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรนในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ รัฐบาร์เรนได้แสดงความประสงค์ที่จะจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและวิชาการกับประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนร่างความตกลงฯ โต้ตอบระหว่างกันผ่านช่องทางการทูตตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2536 ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้ส่งคณะผู้แทนเจรจาร่วมกัน และสามารถตกลงกันได้ทุกข้อบทและได้ลงนามใน Agreed Minutes และลงนามย่อกำกับร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2542
ร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ภาคีคู่สัญญาจะส่งเสริมและสนับสนุนการค้าระหว่างกันทั้งในด้านผลิตภัณฑ์การเกษตร อุตสาหกรรม รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนทั้งจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและการลงทุนร่วมกัน โดยเฉพาะภาคการบริการ
2. ภาคีคู่สัญญาจะส่งเสริมให้หน่วยงานและองค์กรของตนจัดแสดงสินค้าในแต่ละประเทศ โดยภาคีคู่สัญญาจะให้ความร่วมมือในการจัดแสดงสินค้าอย่างเต็มที่
3. ภาคีคู่สัญญาจะส่งเสริมให้มีความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ อาทิเช่น สนับสนุนให้มีการศึกษาและดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ร่วมกันภายใต้ความร่วมมือตามความตกลงนี้ รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรข้อสนเทศและประสบการณ์ระหว่างกัน
4. ภาคีคู่สัญญาจะแต่งตั้งหน่วยงานประสานงานเพื่อดูแลให้มีการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในความตกลงฯ โดยจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจ โดยหน่วยประสานงานของฝ่ายบาร์เรน คือ กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจแห่งชาติ และของฝ่ายไทยคือ กระทรวงการต่างประเทศ โดยคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจดังกล่าวจะจัดประชุมขึ้นในไทยและบาห์เรนตามแต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน
5. ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ จะมีผลใช้บังคับหลังจากการแจ้งครั้งหลังของภาคีคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายว่าได้ปฏิบัติตามกระบวนการภายในของประเทศตนเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับแล้ว ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ จะมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 5 ปี และขยายระยะเวลาต่อไปหลังจากนั้นโดยอัตโนมัติ คราวละ 1 ปี การบอกเลิกความตกลงฯ จะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนวันสิ้นสุดความตกลงฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 พฤษภาคม 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศ แล้วมีมติเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรนในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ รัฐบาร์เรนได้แสดงความประสงค์ที่จะจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและวิชาการกับประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนร่างความตกลงฯ โต้ตอบระหว่างกันผ่านช่องทางการทูตตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2536 ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้ส่งคณะผู้แทนเจรจาร่วมกัน และสามารถตกลงกันได้ทุกข้อบทและได้ลงนามใน Agreed Minutes และลงนามย่อกำกับร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2542
ร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ภาคีคู่สัญญาจะส่งเสริมและสนับสนุนการค้าระหว่างกันทั้งในด้านผลิตภัณฑ์การเกษตร อุตสาหกรรม รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนทั้งจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและการลงทุนร่วมกัน โดยเฉพาะภาคการบริการ
2. ภาคีคู่สัญญาจะส่งเสริมให้หน่วยงานและองค์กรของตนจัดแสดงสินค้าในแต่ละประเทศ โดยภาคีคู่สัญญาจะให้ความร่วมมือในการจัดแสดงสินค้าอย่างเต็มที่
3. ภาคีคู่สัญญาจะส่งเสริมให้มีความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ อาทิเช่น สนับสนุนให้มีการศึกษาและดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ร่วมกันภายใต้ความร่วมมือตามความตกลงนี้ รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรข้อสนเทศและประสบการณ์ระหว่างกัน
4. ภาคีคู่สัญญาจะแต่งตั้งหน่วยงานประสานงานเพื่อดูแลให้มีการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในความตกลงฯ โดยจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจ โดยหน่วยประสานงานของฝ่ายบาร์เรน คือ กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจแห่งชาติ และของฝ่ายไทยคือ กระทรวงการต่างประเทศ โดยคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจดังกล่าวจะจัดประชุมขึ้นในไทยและบาห์เรนตามแต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน
5. ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ จะมีผลใช้บังคับหลังจากการแจ้งครั้งหลังของภาคีคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายว่าได้ปฏิบัติตามกระบวนการภายในของประเทศตนเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับแล้ว ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ จะมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 5 ปี และขยายระยะเวลาต่อไปหลังจากนั้นโดยอัตโนมัติ คราวละ 1 ปี การบอกเลิกความตกลงฯ จะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนวันสิ้นสุดความตกลงฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 พฤษภาคม 2543--
-สส-