คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2544 ดังนี้
1. กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
2. กำหนดให้สถาบันฯ มีที่ทำการอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสถานที่อื่นในเขตกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง
3. ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) โดยประธานกรรมการ เป็นผู้ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านการค้าระหว่างประเทศ การเงิน การลงทุน การพัฒนา และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสถาบันฯ
4. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ให้ครอบคลุมถึงการแต่งตั้งและถอดถอนผู้อำนวยการ การปฏิบัติงานของผู้อำนวยการ การมอบหมายให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทน และการแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งการกำหนดขอบเขตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ตลอดจนให้คณะกรรมการฯ พิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติงานของสถาบันฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
5. แก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการโดยกำหนดให้ผู้อำนวยการต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมกับกิจการของสถาบันฯ ตามที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ และไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการที่กระทำกับสถาบันฯ หรือในกิจการที่เป็นการแข่งขันกับกิจการของสถาบันฯ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งกำหนดให้กรณีผู้อำนวยการมีอายุเกิน 65 ปีบริบูรณ์ ถือว่าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามกำหนดเวลาในสัญญาจ้าง
6. แก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสถาบันฯ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่และลูกจ้างมีคุณวุฒิหรือประสบการณ์เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบันฯ และไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ปฏิบัติงานขององค์การมหาชนอื่น รวมทั้งกำหนดให้กรณีเจ้าหน้าที่และลูกจ้างที่มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ ให้ถือว่าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามกำหนดเวลาในสัญญาจ้าง
7. กำหนดให้ผู้ตรวจสอบภายในรับผิดชอบขึ้นตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการฯ ตลอดจนการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง และลงโทษทางวินัยของผู้ตรวจสอบภายใน ให้ผู้อำนวยการและคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาร่วมกัน แล้วเสนอให้คณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบก่อนจึงดำเนินการได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 สิงหาคม 2559--