ทำเนียบรัฐบาล--25 ม.ค.--รอยเตอร์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจพิจารณาภาวะการค้าปี 2542 และเป้าหมายการส่งออกปี 2543 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบการกำหนดตัวเลขเป้าหมายการส่งออกปี 2543 มูลค่า 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 6.0 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกำหนดเป็นเป้าหมายการส่งออกปี 2543
2. ให้ความเห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปดังนี้
1) เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการส่งออกที่ยังคั่งค้างอยู่ให้สำเร็จและมีผลโดยเร็ว โดยเฉพาะปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยรวม ได้แก่
- การปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าวัตถุดิบทั้งระบบ โดยเฉพาะเหล็กและปิโตรเคมี ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของสินค้าส่งออกสำคัญหลายรายการ
- การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและการกระจายสภาพคล่องอย่างทั่วถึงและพอเพียงให้กับผู้ผลิตและผู้ส่งออก โดยเฉพาะระดับกลางและเล็ก รวมทั้งการเข้าไปช่วยเจรจาประนอมหนี้ให้กับผู้ส่งออกที่มีปัญหา NPL กับสถาบันการเงิน
- การดำเนินการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ยังสูงอยู่ เช่น ค่าขนส่งทางเรือ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
2) เร่งรัดดำเนินการตามแผนส่งเสริมและพัฒนาการส่งออกปี 2543 ที่ให้ความสำคัญทั้งในด้านการรักษาตลาดหลักเดิม และการเจาะและขยายตลาดใหม่ ๆ และเร่งรัดผลักดันธุรกิจบริการที่มีลู่ทางและมีศักยภาพ โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่สำคัญ คือ การสร้างภาพลักษณ์ของประเทศและสินค้าไทย การสร้างตราสัญลักษณ์สินค้าไทย (Brand Name) การสร้างเครือข่ายกระจายสินค้า(Distribution Network) การค้าธุรกิจบริการ ส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน (Border Trade) เป็นต้น
ในตลาดหลักเดิม จะมุ่งเน้นการขยายหรือรักษาส่วนแบ่งตลาด โดยดำเนินการทั้งในด้านการส่งเสริม และการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อกีดกันทางการค้า
ในตลาดใหม่ จะเร่งรัดดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทั้งมาตรการด้านการเงิน รับประกันการส่งออก จัดสรรวงเงินดอกเบี้ยต่ำ จัดหาเงินเพื่อชดเชยภาระดอกเบี้ยสำหรับ PackingCredit ให้ผู้ส่งออกไปตลาดใหม่ ด้านภาษี ให้ผู้ส่งออกนำค่าใช้จ่ายในกิจกรรมขยายตลาดใหม่มาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการคิดภาษีได้2 เท่า (ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาอยู่) และด้านการตลาด จัดตั้งศูนย์ผลักดันการส่งออกไปตลาดใหม่และให้การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายบางส่วนแก่ผู้ส่งออกในการเดินทางไปเปิดตลาดใหม่
3) สนับสนุนและส่งเสริมการขยายการค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แก่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าและบริการของไทยให้มากขึ้น รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ส่งออกและสินค้าไทยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
4) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ จะต้องมีการปรับโครงสร้าง บทบาท และต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งทางด้านการผลิตและการตลาด และสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการเจาะและขยายตลาดในต่างประเทศ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และเร่งรัดผลักดันการส่งออก ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป
5) ในส่วนของสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรที่ประสบปัญหาการส่งออกในปี 2542 และต่อเนื่องมาในปี 2543 โดยเฉพาะปัญหาราคาตกต่ำ จะต้องให้การดูแลเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการทางด้านการตลาดเพื่อดึงราคาสินค้าในประเทศ เช่น การให้สินเชื่อเพื่อรับซื้อหรือรับจำนำ การแทรกแซงด้านราคา การเร่งระบายสินค้าไปต่างประเทศ การควบคุมคุณภาพสินค้า การส่งเสริมการแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป การใช้ตราสัญลักษณ์สินค้าไทย เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 มกราคม 2543--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจพิจารณาภาวะการค้าปี 2542 และเป้าหมายการส่งออกปี 2543 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบการกำหนดตัวเลขเป้าหมายการส่งออกปี 2543 มูลค่า 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 6.0 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกำหนดเป็นเป้าหมายการส่งออกปี 2543
2. ให้ความเห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปดังนี้
1) เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการส่งออกที่ยังคั่งค้างอยู่ให้สำเร็จและมีผลโดยเร็ว โดยเฉพาะปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยรวม ได้แก่
- การปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าวัตถุดิบทั้งระบบ โดยเฉพาะเหล็กและปิโตรเคมี ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของสินค้าส่งออกสำคัญหลายรายการ
- การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและการกระจายสภาพคล่องอย่างทั่วถึงและพอเพียงให้กับผู้ผลิตและผู้ส่งออก โดยเฉพาะระดับกลางและเล็ก รวมทั้งการเข้าไปช่วยเจรจาประนอมหนี้ให้กับผู้ส่งออกที่มีปัญหา NPL กับสถาบันการเงิน
- การดำเนินการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ยังสูงอยู่ เช่น ค่าขนส่งทางเรือ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
2) เร่งรัดดำเนินการตามแผนส่งเสริมและพัฒนาการส่งออกปี 2543 ที่ให้ความสำคัญทั้งในด้านการรักษาตลาดหลักเดิม และการเจาะและขยายตลาดใหม่ ๆ และเร่งรัดผลักดันธุรกิจบริการที่มีลู่ทางและมีศักยภาพ โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่สำคัญ คือ การสร้างภาพลักษณ์ของประเทศและสินค้าไทย การสร้างตราสัญลักษณ์สินค้าไทย (Brand Name) การสร้างเครือข่ายกระจายสินค้า(Distribution Network) การค้าธุรกิจบริการ ส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน (Border Trade) เป็นต้น
ในตลาดหลักเดิม จะมุ่งเน้นการขยายหรือรักษาส่วนแบ่งตลาด โดยดำเนินการทั้งในด้านการส่งเสริม และการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อกีดกันทางการค้า
ในตลาดใหม่ จะเร่งรัดดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทั้งมาตรการด้านการเงิน รับประกันการส่งออก จัดสรรวงเงินดอกเบี้ยต่ำ จัดหาเงินเพื่อชดเชยภาระดอกเบี้ยสำหรับ PackingCredit ให้ผู้ส่งออกไปตลาดใหม่ ด้านภาษี ให้ผู้ส่งออกนำค่าใช้จ่ายในกิจกรรมขยายตลาดใหม่มาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการคิดภาษีได้2 เท่า (ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาอยู่) และด้านการตลาด จัดตั้งศูนย์ผลักดันการส่งออกไปตลาดใหม่และให้การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายบางส่วนแก่ผู้ส่งออกในการเดินทางไปเปิดตลาดใหม่
3) สนับสนุนและส่งเสริมการขยายการค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แก่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าและบริการของไทยให้มากขึ้น รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ส่งออกและสินค้าไทยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
4) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ จะต้องมีการปรับโครงสร้าง บทบาท และต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งทางด้านการผลิตและการตลาด และสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการเจาะและขยายตลาดในต่างประเทศ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และเร่งรัดผลักดันการส่งออก ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป
5) ในส่วนของสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรที่ประสบปัญหาการส่งออกในปี 2542 และต่อเนื่องมาในปี 2543 โดยเฉพาะปัญหาราคาตกต่ำ จะต้องให้การดูแลเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการทางด้านการตลาดเพื่อดึงราคาสินค้าในประเทศ เช่น การให้สินเชื่อเพื่อรับซื้อหรือรับจำนำ การแทรกแซงด้านราคา การเร่งระบายสินค้าไปต่างประเทศ การควบคุมคุณภาพสินค้า การส่งเสริมการแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป การใช้ตราสัญลักษณ์สินค้าไทย เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 มกราคม 2543--