อนุมัติวงเงินค่าทดแทนที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลต้นไม้ที่ถูกเขตทางตามโครงการก่อสร้าง ทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์ทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย 4
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ การขออนุมัติวงเงินค่าทดแทนที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลต้นไม้ที่ถูกเขตทางตามโครงการก่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย 4 แล้วเห็นว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยระบายการจราจรได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ได้ดำเนินการสำรวจทรัพย์สินในแนวที่ถูกเวนคืนแล้ว ดังนั้น เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการต่อไปได้ในทิศทางที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และสามารถเบิกจ่ายเงินทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบจากโครงการได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบวงเงินประมาณค่าทดแทนที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลต้นไม้ที่ถูกเขตทางตามโครงการก่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย 4 จากเดิม 890,000,000บาท เป็น 5,187,655,979 บาท โดยกำหนดสัดส่วนจากเงินอุดหนุนรัฐบาลร้อยละ 50 จำนวน 2,593,827,990 บาทโดยจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินในเขตทางช่วงแรกจากถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนวงแหวนรอบนอก วงเงินค่าทดแทน 2,883,022,049 บาท และจะทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดการจราจรภายในปี พ.ศ. 2549 สำหรับช่วงสองจากถนนวงแหวนรอบนอก - พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งมีวงเงินค่าทดแทนในขณะนี้ 2,304,633,930 บาท จะชะลอไปก่อนแล้วจะดำเนินการจัดกรรมีสิทธิ์ในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป เพื่อจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้ทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดการจราจรภายในปี พ.ศ. 2554
2. อนุมัติให้กรุงเทพมหานครกันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2543 จำนวน 151,663,671 บาท ไว้เบิกเหลื่อมปีได้อีก 1 ปี เป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการจัดสรรงบประมาณให้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2539 แต่ กรุงเทพมหานครใช้ระยะเวลาในการดำเนินงาน และมีการขยายเขตทางเพิ่มขึ้น เป็นผลให้วงเงินค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบ 6 เท่า เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งเป็นภาระกับเงินงบประมาณ ประกอบกับขณะนี้มีทางคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี และถนนวงแหวนรอบนอก เป็นต้น เพื่อรองรับปัญหาการจราจรบ้างแล้ว จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) พิจารณาทบทวนกลั่นกรองความเหมาะสมและความจำเป็นว่ายังมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไปหรือไม่ โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่าของจำนวนเงินที่ต้องใช้กับประโยชน์ที่ได้รับ และสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการคลังของประเทศในปัจจุบัน ซึ่ง สจร. พิจารณาแล้วเห็นว่า ได้ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบด้านการจราจรและขนส่ง รวมถึงผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการโดยแยกการวิเคราะห์ออกเป็น 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่ 1 ก่อสร้างเต็มโครงการฯ จากถนนจรัญสนิทวงศ์ - ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ให้แล้วเสร็จในปี2549 แนวทางที่ 2 ก่อสร้างช่วงแรกจาก ถนนจรัญสนิทวงศ์ - ถนนวงแหวนรอบนอก ให้แล้วเสร็จในปี 2549 สำหรับช่วงต่อไปจากถนนวงแหวนรอบนอก - ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน อย่างน้อยภายหลังปี 2554หรือเมื่อเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และปริมาณความต้องการเดินทางมากขึ้นในอนาคตจึงนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง แต่กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่การเวนคืนตามโครงการดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้กำหนดค่าทดแทนและได้ปิดประกาศราคาที่กำหนดตามกฎหมายแล้ว พร้อมกำหนดแนวถนนโครงการห้ามก่อสร้างอาคารและพัฒนาพื้นที่และเจ้าของทรัพย์สินจำนวนหลายรายได้มาทำความตกลงในเรื่องค่าทดแทน ซึ่งจะสามารถทำสัญญาและก่อหนี้ผูกพันได้นับแต่ต้นปีงบประมาณ 2544 เป็นต้นมา แต่การเบิกจ่ายเงินค่าทดแทนไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขออนุมัติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ส.ค.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ การขออนุมัติวงเงินค่าทดแทนที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลต้นไม้ที่ถูกเขตทางตามโครงการก่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย 4 แล้วเห็นว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยระบายการจราจรได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ได้ดำเนินการสำรวจทรัพย์สินในแนวที่ถูกเวนคืนแล้ว ดังนั้น เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการต่อไปได้ในทิศทางที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และสามารถเบิกจ่ายเงินทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบจากโครงการได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบวงเงินประมาณค่าทดแทนที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลต้นไม้ที่ถูกเขตทางตามโครงการก่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย 4 จากเดิม 890,000,000บาท เป็น 5,187,655,979 บาท โดยกำหนดสัดส่วนจากเงินอุดหนุนรัฐบาลร้อยละ 50 จำนวน 2,593,827,990 บาทโดยจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินในเขตทางช่วงแรกจากถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนวงแหวนรอบนอก วงเงินค่าทดแทน 2,883,022,049 บาท และจะทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดการจราจรภายในปี พ.ศ. 2549 สำหรับช่วงสองจากถนนวงแหวนรอบนอก - พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งมีวงเงินค่าทดแทนในขณะนี้ 2,304,633,930 บาท จะชะลอไปก่อนแล้วจะดำเนินการจัดกรรมีสิทธิ์ในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป เพื่อจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้ทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดการจราจรภายในปี พ.ศ. 2554
2. อนุมัติให้กรุงเทพมหานครกันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2543 จำนวน 151,663,671 บาท ไว้เบิกเหลื่อมปีได้อีก 1 ปี เป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการจัดสรรงบประมาณให้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2539 แต่ กรุงเทพมหานครใช้ระยะเวลาในการดำเนินงาน และมีการขยายเขตทางเพิ่มขึ้น เป็นผลให้วงเงินค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบ 6 เท่า เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งเป็นภาระกับเงินงบประมาณ ประกอบกับขณะนี้มีทางคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี และถนนวงแหวนรอบนอก เป็นต้น เพื่อรองรับปัญหาการจราจรบ้างแล้ว จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) พิจารณาทบทวนกลั่นกรองความเหมาะสมและความจำเป็นว่ายังมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไปหรือไม่ โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่าของจำนวนเงินที่ต้องใช้กับประโยชน์ที่ได้รับ และสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการคลังของประเทศในปัจจุบัน ซึ่ง สจร. พิจารณาแล้วเห็นว่า ได้ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบด้านการจราจรและขนส่ง รวมถึงผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการโดยแยกการวิเคราะห์ออกเป็น 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่ 1 ก่อสร้างเต็มโครงการฯ จากถนนจรัญสนิทวงศ์ - ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ให้แล้วเสร็จในปี2549 แนวทางที่ 2 ก่อสร้างช่วงแรกจาก ถนนจรัญสนิทวงศ์ - ถนนวงแหวนรอบนอก ให้แล้วเสร็จในปี 2549 สำหรับช่วงต่อไปจากถนนวงแหวนรอบนอก - ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน อย่างน้อยภายหลังปี 2554หรือเมื่อเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และปริมาณความต้องการเดินทางมากขึ้นในอนาคตจึงนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง แต่กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่การเวนคืนตามโครงการดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้กำหนดค่าทดแทนและได้ปิดประกาศราคาที่กำหนดตามกฎหมายแล้ว พร้อมกำหนดแนวถนนโครงการห้ามก่อสร้างอาคารและพัฒนาพื้นที่และเจ้าของทรัพย์สินจำนวนหลายรายได้มาทำความตกลงในเรื่องค่าทดแทน ซึ่งจะสามารถทำสัญญาและก่อหนี้ผูกพันได้นับแต่ต้นปีงบประมาณ 2544 เป็นต้นมา แต่การเบิกจ่ายเงินค่าทดแทนไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขออนุมัติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ส.ค.44--
-สส-