ทำเนียบรัฐบาล--14 มิ.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารสำหรับพิธีสารว่าด้วยมาตรการพิเศษสำหรับสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูงเพื่อมอบให้สำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศรายงานว่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ได้ร่วมลงนามในพิธีสารฯ แล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2542ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 31 และไทยจะต้องดำเนินการยื่นสัตยาบันสารต่อเลขาธิการอาเซียนเพื่อให้พิธีสารฯ มีผลใช้บังคับตามกำหนดเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 เป็นต้นไป ซึ่งพิธีสารฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดข้อผูกพันสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการเปิดเสรีทางการค้าสินค้าเกษตรที่ไม่แปรรูป โดยการลดภาษีศุลกากรและขจัดข้อจำกัดด้านปริมาณ ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีระหว่างกัน อันจะช่วยสนับสนุนให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นนั้น ซึ่งไทยมีพันธะตามข้อบทที่ 9 ของพิธีสารดังกล่าวที่จะต้องยื่นสัตยาบันสารต่อเลขาธิการอาเซียน อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการเข้าเป็นภาคีพิธีสารฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 13 มิ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารสำหรับพิธีสารว่าด้วยมาตรการพิเศษสำหรับสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูงเพื่อมอบให้สำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศรายงานว่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ได้ร่วมลงนามในพิธีสารฯ แล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2542ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 31 และไทยจะต้องดำเนินการยื่นสัตยาบันสารต่อเลขาธิการอาเซียนเพื่อให้พิธีสารฯ มีผลใช้บังคับตามกำหนดเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 เป็นต้นไป ซึ่งพิธีสารฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดข้อผูกพันสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการเปิดเสรีทางการค้าสินค้าเกษตรที่ไม่แปรรูป โดยการลดภาษีศุลกากรและขจัดข้อจำกัดด้านปริมาณ ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีระหว่างกัน อันจะช่วยสนับสนุนให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นนั้น ซึ่งไทยมีพันธะตามข้อบทที่ 9 ของพิธีสารดังกล่าวที่จะต้องยื่นสัตยาบันสารต่อเลขาธิการอาเซียน อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการเข้าเป็นภาคีพิธีสารฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 13 มิ.ย. 2543--
-สส-