ทำเนียบรัฐบาล--7 พ.ย..--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ให้แก่บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 54 ล้านบาท และให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 71 ล้านบาท ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) ได้ขอเข้ารับความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (กปส.) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้อนุมัติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2543 ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 แก่บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) โดยให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของบริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 54 ล้านบาท โดยบริษัทเงินทุนธนชาติจำกัด (มหาชน) จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ในการนี้ กระทรวงการคลังจะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนที่เท่ากัน โดยกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 1 ปี เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ณ วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติซึ่งเป็นวันที่ 26 กันยายน 2543 ลบร้อยละ 1 พันธบัตรมีอายุ 10 ปี โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศจำหน่ายพันธบัตรไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543 ในวงเงิน 54 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.50 ต่อปี อายุพันธบัตร10 ปี ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้ว จะยังคงมีวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1และชั้นที่ 2 เหลืออยู่อีกจำนวน 229,264 ล้านบาท
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ขอเข้ารับความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (กปส.) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้อนุมัติเมื่อวันที่ 26 กันยายน2543 ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 71 ล้านบาท โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ในการนี้ กระทรวงการคลังจะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนที่เท่ากัน โดยกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 1 ปี เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ณ วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติ ซึ่งเป็นวันที่ 26กันยายน 2543 ลบร้อยละ 1 พันธบัตรมีอายุ 10 ปี ซึ่งจะเป็นการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศจำหน่ายพันธบัตรไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543 ในวงเงิน 71 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.50 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้ว จะยังคงมีวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เหลืออยู่อีกจำนวน 229,193 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 พ.ย. 2543---สส-
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ให้แก่บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 54 ล้านบาท และให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 71 ล้านบาท ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) ได้ขอเข้ารับความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (กปส.) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้อนุมัติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2543 ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 แก่บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) โดยให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของบริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 54 ล้านบาท โดยบริษัทเงินทุนธนชาติจำกัด (มหาชน) จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ในการนี้ กระทรวงการคลังจะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนที่เท่ากัน โดยกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 1 ปี เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ณ วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติซึ่งเป็นวันที่ 26 กันยายน 2543 ลบร้อยละ 1 พันธบัตรมีอายุ 10 ปี โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศจำหน่ายพันธบัตรไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543 ในวงเงิน 54 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.50 ต่อปี อายุพันธบัตร10 ปี ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้ว จะยังคงมีวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1และชั้นที่ 2 เหลืออยู่อีกจำนวน 229,264 ล้านบาท
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ขอเข้ารับความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (กปส.) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้อนุมัติเมื่อวันที่ 26 กันยายน2543 ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 71 ล้านบาท โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ในการนี้ กระทรวงการคลังจะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนที่เท่ากัน โดยกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 1 ปี เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ณ วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติ ซึ่งเป็นวันที่ 26กันยายน 2543 ลบร้อยละ 1 พันธบัตรมีอายุ 10 ปี ซึ่งจะเป็นการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศจำหน่ายพันธบัตรไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543 ในวงเงิน 71 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.50 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้ว จะยังคงมีวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เหลืออยู่อีกจำนวน 229,193 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 พ.ย. 2543---สส-
-สส-