ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ….) และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ….) และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ เป็นการแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และแบ่งระดับหรือเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยตามลำดับ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติให้ดำเนินการออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 20 สิงหาคม 2543
1. ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 แบ่งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จัดในรูปแบบการศึกษาในระบบออกเป็น 3 ระดับ คือ
1) การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา
2) การศึกษาระดับประถมศึกษา
3) การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็นสองตอน คือ
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
1.2 แบ่งประเภทการศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งประเภทการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายออกเป็น2 ประเภท คือ
1) ประเภทสามัญศึกษา
2) ประเภทอาชีวศึกษา
2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542(แบ่งระดับหรือเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัย) มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 แบ่งระดับการศึกษานอกระบบเช่นเดียวกับการศึกษาในระบบ
2.2 การศึกษาตามอัธยาศัย ไม่แบ่งออกเป็นระดับ แต่ผู้เรียนสามารถนำความรู้และประสบการณ์มาเทียบระดับกับการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบได้
2.3 การศึกษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ ระดับเดียวกันให้ถือว่ามีมาตรฐานทางการศึกษาเท่าเทียมกัน
การกำหนดหรือเทียบวุฒิการศึกษา ว่าการศึกษาหลักสูตรใด เป็นการศึกษาในระดับใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
2.4 บุคคลอาจนำหลักฐานทางการศึกษา ผลการเรียนรู้และประสบการณ์จากการศึกษาตามอัธยาศัยมาขอประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษาในระบบ หรือการศึกษานอกระบบได้
การประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษา ให้ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลายตามความเหมาะสม เพื่อสามารถวัดและประเมินผลได้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตนคติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-
ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ….) และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ….) และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ เป็นการแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และแบ่งระดับหรือเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยตามลำดับ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติให้ดำเนินการออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 20 สิงหาคม 2543
1. ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 แบ่งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จัดในรูปแบบการศึกษาในระบบออกเป็น 3 ระดับ คือ
1) การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา
2) การศึกษาระดับประถมศึกษา
3) การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็นสองตอน คือ
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
1.2 แบ่งประเภทการศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งประเภทการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายออกเป็น2 ประเภท คือ
1) ประเภทสามัญศึกษา
2) ประเภทอาชีวศึกษา
2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542(แบ่งระดับหรือเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัย) มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 แบ่งระดับการศึกษานอกระบบเช่นเดียวกับการศึกษาในระบบ
2.2 การศึกษาตามอัธยาศัย ไม่แบ่งออกเป็นระดับ แต่ผู้เรียนสามารถนำความรู้และประสบการณ์มาเทียบระดับกับการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบได้
2.3 การศึกษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ ระดับเดียวกันให้ถือว่ามีมาตรฐานทางการศึกษาเท่าเทียมกัน
การกำหนดหรือเทียบวุฒิการศึกษา ว่าการศึกษาหลักสูตรใด เป็นการศึกษาในระดับใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
2.4 บุคคลอาจนำหลักฐานทางการศึกษา ผลการเรียนรู้และประสบการณ์จากการศึกษาตามอัธยาศัยมาขอประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษาในระบบ หรือการศึกษานอกระบบได้
การประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษา ให้ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลายตามความเหมาะสม เพื่อสามารถวัดและประเมินผลได้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตนคติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-