ทำเนียบรัฐบาล--6 ก.พ.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการที่สหประชาชาติขอรับการสนับสนุนกำลังพลหน่วยรบพิเศษ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แล้วมีมติอนุมัติดังต่อไปนี้
1. ให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกำลังหน่วยรบพิเศษ จำนวน 1 หมวด ไปปฏิบัติราชการพิเศษตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ร่วมกับกองกำลังขององค์กรบริหารชั่วคราวสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก
2. กำหนดเวลา วิธีการดำเนินการและมาตรารในการควบคุมการปฏิบัติให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
3. ให้กำลังพลตามข้อ 1. ได้รับสิทธิกำลังพลนับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นควรให้กระทรวงกลาโหมเสนอข้อเท็จจริงในการปฏิบัติภารกิจให้กระทรวงการคลังพิจารณานับเวลาราชการเป็นทวีคูณ และสำนักงบประมาณเห็นสมควรที่กระทรวงกลาโหมจะกำหนดเงื่อนไขให้องค์การสหประชาชาติสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับกองกำลังหน่วยรบพิเศษ รวมทั้งจะต้องพิจารณากำหนดระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจวันเริ่มและสิ้นสุดให้ชัดเจนเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเงินทดรองราชการ และการพิจารณาสิทธิกำลังพลอีกด้วย
สำหรับการสนับสนุนกำลังพลหน่วยรบพิเศษดังกล่าว จำนวน 1 หมวด มีอัตรากำลังระหว่าง 30 นาย เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร จำนวน 6 ราย และ นายทหารชั้นประทวน จำนวน 24 นาย โดยมีอาวุธยุทโธปกรณ์ ได้แก่ 1) อาวุธ/กระสุน/วัตถุระเบิด 2) เครื่องมือสื่อสาร 3) เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4) อุปกรณ์ประจำชุดปฏิบัติการ 5) ชุดวีดีทัศน์ และ 6) เครื่องขยายเสียง 85 วัตต์ ซึ่งกำลังพลฯ ดังกล่าว จะเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพทหารราบไทย ที่มีภารกิจด้านกิจการพลเรือนทหารและปฏิบติการลาดตระเวนระยะไกลในพื้นที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งปกติไม่เคยมี กองกลังขององค์การบริหารชั่วคราวของสหประชาขาติในติมอร์ตะวันออก (UNTAET) เข้าไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วงชิงและรักษาการสนับสนุนของประชาชน และปิดโอกาสการเคลื่อนไหวของกลุ่มอาสาสมัครพลเรือนติดอาวุธ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 ก.พ. 2544--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการที่สหประชาชาติขอรับการสนับสนุนกำลังพลหน่วยรบพิเศษ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แล้วมีมติอนุมัติดังต่อไปนี้
1. ให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกำลังหน่วยรบพิเศษ จำนวน 1 หมวด ไปปฏิบัติราชการพิเศษตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ร่วมกับกองกำลังขององค์กรบริหารชั่วคราวสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก
2. กำหนดเวลา วิธีการดำเนินการและมาตรารในการควบคุมการปฏิบัติให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
3. ให้กำลังพลตามข้อ 1. ได้รับสิทธิกำลังพลนับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นควรให้กระทรวงกลาโหมเสนอข้อเท็จจริงในการปฏิบัติภารกิจให้กระทรวงการคลังพิจารณานับเวลาราชการเป็นทวีคูณ และสำนักงบประมาณเห็นสมควรที่กระทรวงกลาโหมจะกำหนดเงื่อนไขให้องค์การสหประชาชาติสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับกองกำลังหน่วยรบพิเศษ รวมทั้งจะต้องพิจารณากำหนดระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจวันเริ่มและสิ้นสุดให้ชัดเจนเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเงินทดรองราชการ และการพิจารณาสิทธิกำลังพลอีกด้วย
สำหรับการสนับสนุนกำลังพลหน่วยรบพิเศษดังกล่าว จำนวน 1 หมวด มีอัตรากำลังระหว่าง 30 นาย เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร จำนวน 6 ราย และ นายทหารชั้นประทวน จำนวน 24 นาย โดยมีอาวุธยุทโธปกรณ์ ได้แก่ 1) อาวุธ/กระสุน/วัตถุระเบิด 2) เครื่องมือสื่อสาร 3) เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4) อุปกรณ์ประจำชุดปฏิบัติการ 5) ชุดวีดีทัศน์ และ 6) เครื่องขยายเสียง 85 วัตต์ ซึ่งกำลังพลฯ ดังกล่าว จะเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพทหารราบไทย ที่มีภารกิจด้านกิจการพลเรือนทหารและปฏิบติการลาดตระเวนระยะไกลในพื้นที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งปกติไม่เคยมี กองกลังขององค์การบริหารชั่วคราวของสหประชาขาติในติมอร์ตะวันออก (UNTAET) เข้าไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วงชิงและรักษาการสนับสนุนของประชาชน และปิดโอกาสการเคลื่อนไหวของกลุ่มอาสาสมัครพลเรือนติดอาวุธ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 ก.พ. 2544--
-สส-