ทำเนียบรัฐบาล--14 พ.ย..--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2542
เรื่องโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ครั้งที่ 3 (เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2543) สรุปได้ดังนี้
1. คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติรายละเอียดแผนงาน/
โครงการ และกรอบวงเงินแล้วรวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง พิจารณารายละเอียด แผนงาน/โครงการจำนวน 13 โครงการ อนุมัติให้ดำเนินการจำนวน
12 โครงการ วงเงิน 14,559.57 ล้านบาท ให้ปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมจำนวน 1 โครงการ
สำหรับผลการเบิกจ่ายเงิน ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติโครงการจากคณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับ
โครงสร้างภาคเกษตร (PSC) แล้ว ได้จัดส่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายของแต่ละโครงการให้สำนักงบประมาณ (สงป.) พิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายแล้ว ดังนี้
PSC อนุมัติ สงป. อนุมัติ
1. โครงการปรับปรุงระบบชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลาง 2886 -
2. โครงการปรับปรุงระบบชลประทานขนาดเล็ก 500 -
3. โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อพัฒนาแหล่งผลิตของชุมชน 2500 -
4. โครงการจัดรูปที่ดิน 232 212
5. โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกร 1747 1697
6. โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตในเขตปฏิรูปที่ดิน 462 104
7. โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตร 1150 646
8. กองทุนพัฒนางานวิจัยการเกษตรและบุคลากร 3500 -
9. โครงการพัฒนามาตรฐานและระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าเกษตร 699 175
10. โครงการจัดทำแนวเขตและเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้ 303 21
11. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง 300 -
12. โครงการบริหารจัดการและติดตามประเมินผลโครงการเงินกู้ 280 21
รวม PSC อนุมัติ 14,559.57 ล้านบาท
สงป. อนุมัติ 2,876.72 ล้านบาท
การเบิกจ่ายเงินกู้ ดำเนินการได้เฉพาะโครงการที่ 6 - 12 ซึ่งใช้เงิน ADB สำหรับโครงการที่ 1 - 5 ซึ่งใช้เงิน JBIC
ยังไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้
- ปัญหาอุปสรรค สำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการได้ในส่วนที่ใช้เงิน JBIC กระทรวงการคลังได้มีหนังสือขอเบิก
เงินจาก JBIC แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ JBIC ก็ยังไม่โอนเงินเข้ามาทั้ง ๆ ที่ได้มีการตกลงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ดังนั้น ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติ
โครงการ จึงยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ ซึ่งจะมีผลทำให้การดำเนินงานต้องล่าช้าออกไป ไม่ทันตามกำหนดเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้
- แนวทางแก้ไข
- ประสานงานกับกระทรวงการคลังเร่งเจรจากับ JBIC เพื่อหาข้อตกลงเรื่องกำหนดเวลาการโอนเงินมิฉะนั้น
จะเกิดความเสียหายต่อแผนงานที่วางไว้
- หน่วยงานซึ่งรับผิดชอบการดำเนินโครงการ ซึ่งใช้เงิน JBIC ต้องเตรียมความพร้อมดำเนินการของระยะต่อไปด้วย เพื่อลดความช้า
ของเนื้องานในภาพรวม
2. การดำเนินงานตามกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix) ซึ่งระบุไว้ในหนังสือแสดงกรอบนโยบายเพื่อการพัฒนาซึ่งรัฐบาล
ไทยตกลงไว้ในการรับความช่วยเหลือจากแหล่งเงินกู้ ได้ดำเนินการแล้วร้อยละ 45 ของเงื่อนไขทั้งหมด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ
- ปัญหาอุปสรรค มีเงื่อนไขบางประเด็นยังดำเนินการไม่เป็นตามแผนงานที่กำหนด และหรือมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้
เนื่องจากไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของ ADB ใน 2 แนวทาง คือ ขอยืดเวลาการดำเนินการในกรณีเงื่อนไขที่สามารถทำได้แต่ล่าช้ากว่ากำหนด
และขอระงับหรือลดเงื่อนไขตามความเป็นไปได้ของข้อเท็จจริงที่ปรากฏหรือการยอมรับจากสาธารณชน
3. การประชาสัมพันธ์โครงการ สำนักงานบริหารโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์โดยสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนจัดการประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ยังได้ดำเนินงานจัดทำเวบไซด์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานของโครงการฯ (http://www.aspl.moac.go.th)
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2543 เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงกัน และไม่เกิดความขัดแย้งทางความคิดในสังคม
4. การติดตามและประเมินผล สำนักบริหารงานโครงการเงินกู้ฯ ได้จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการติดตามและประเมินผลโครงการ
เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรให้แก่ผู้รับผิดชอบต่อความสำเร็จของโครงการ และนักวิชาการซึ่งปฏิบัติงานด้านการติดตามและประเมินผลทุกหน่วย
งาน ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องของการกำหนดกรอบแนวคิด ตัวชี้วัด ข้อมูลที่จะต้องจัดเก็บแบบ
รายงานและเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามและประเมินผล ผลการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้
รวมทั้งสามารถกำหนดตัวชี้วัดโครงการได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อโครงการดำเนินการแล้ว ทุกหน่วยงานสามารถมองภาพโครงการที่ตนเองรับผิดชอบ
ได้ชัดเจนตลอดทุกช่วงของผลที่จะเกิด ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงาน/โครงการและใช้ในการติดตามประเมินผล และรายงานได้เป็นอย่างดี
- ปัญหาอุปสรรค ผู้บริหารของส่วนราชการ หรือผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจบางโครงการ ยังให้ความสำคัญต่อการติดตามและประเมินผล
ในระดับต่ำ หรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน มอบการติดตามและประเมินผลเป็นภาพของการจับผิด
- แนวทางแก้ไข เพิ่มการถ่ายทอดความรู้และปรับทัศนคติอย่างมีระบบต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 พ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2542
เรื่องโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ครั้งที่ 3 (เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2543) สรุปได้ดังนี้
1. คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติรายละเอียดแผนงาน/
โครงการ และกรอบวงเงินแล้วรวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง พิจารณารายละเอียด แผนงาน/โครงการจำนวน 13 โครงการ อนุมัติให้ดำเนินการจำนวน
12 โครงการ วงเงิน 14,559.57 ล้านบาท ให้ปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมจำนวน 1 โครงการ
สำหรับผลการเบิกจ่ายเงิน ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติโครงการจากคณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับ
โครงสร้างภาคเกษตร (PSC) แล้ว ได้จัดส่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายของแต่ละโครงการให้สำนักงบประมาณ (สงป.) พิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายแล้ว ดังนี้
PSC อนุมัติ สงป. อนุมัติ
1. โครงการปรับปรุงระบบชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลาง 2886 -
2. โครงการปรับปรุงระบบชลประทานขนาดเล็ก 500 -
3. โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อพัฒนาแหล่งผลิตของชุมชน 2500 -
4. โครงการจัดรูปที่ดิน 232 212
5. โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกร 1747 1697
6. โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตในเขตปฏิรูปที่ดิน 462 104
7. โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตร 1150 646
8. กองทุนพัฒนางานวิจัยการเกษตรและบุคลากร 3500 -
9. โครงการพัฒนามาตรฐานและระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าเกษตร 699 175
10. โครงการจัดทำแนวเขตและเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้ 303 21
11. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง 300 -
12. โครงการบริหารจัดการและติดตามประเมินผลโครงการเงินกู้ 280 21
รวม PSC อนุมัติ 14,559.57 ล้านบาท
สงป. อนุมัติ 2,876.72 ล้านบาท
การเบิกจ่ายเงินกู้ ดำเนินการได้เฉพาะโครงการที่ 6 - 12 ซึ่งใช้เงิน ADB สำหรับโครงการที่ 1 - 5 ซึ่งใช้เงิน JBIC
ยังไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้
- ปัญหาอุปสรรค สำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการได้ในส่วนที่ใช้เงิน JBIC กระทรวงการคลังได้มีหนังสือขอเบิก
เงินจาก JBIC แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ JBIC ก็ยังไม่โอนเงินเข้ามาทั้ง ๆ ที่ได้มีการตกลงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ดังนั้น ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติ
โครงการ จึงยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ ซึ่งจะมีผลทำให้การดำเนินงานต้องล่าช้าออกไป ไม่ทันตามกำหนดเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้
- แนวทางแก้ไข
- ประสานงานกับกระทรวงการคลังเร่งเจรจากับ JBIC เพื่อหาข้อตกลงเรื่องกำหนดเวลาการโอนเงินมิฉะนั้น
จะเกิดความเสียหายต่อแผนงานที่วางไว้
- หน่วยงานซึ่งรับผิดชอบการดำเนินโครงการ ซึ่งใช้เงิน JBIC ต้องเตรียมความพร้อมดำเนินการของระยะต่อไปด้วย เพื่อลดความช้า
ของเนื้องานในภาพรวม
2. การดำเนินงานตามกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix) ซึ่งระบุไว้ในหนังสือแสดงกรอบนโยบายเพื่อการพัฒนาซึ่งรัฐบาล
ไทยตกลงไว้ในการรับความช่วยเหลือจากแหล่งเงินกู้ ได้ดำเนินการแล้วร้อยละ 45 ของเงื่อนไขทั้งหมด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ
- ปัญหาอุปสรรค มีเงื่อนไขบางประเด็นยังดำเนินการไม่เป็นตามแผนงานที่กำหนด และหรือมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้
เนื่องจากไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของ ADB ใน 2 แนวทาง คือ ขอยืดเวลาการดำเนินการในกรณีเงื่อนไขที่สามารถทำได้แต่ล่าช้ากว่ากำหนด
และขอระงับหรือลดเงื่อนไขตามความเป็นไปได้ของข้อเท็จจริงที่ปรากฏหรือการยอมรับจากสาธารณชน
3. การประชาสัมพันธ์โครงการ สำนักงานบริหารโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์โดยสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนจัดการประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ยังได้ดำเนินงานจัดทำเวบไซด์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานของโครงการฯ (http://www.aspl.moac.go.th)
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2543 เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงกัน และไม่เกิดความขัดแย้งทางความคิดในสังคม
4. การติดตามและประเมินผล สำนักบริหารงานโครงการเงินกู้ฯ ได้จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการติดตามและประเมินผลโครงการ
เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรให้แก่ผู้รับผิดชอบต่อความสำเร็จของโครงการ และนักวิชาการซึ่งปฏิบัติงานด้านการติดตามและประเมินผลทุกหน่วย
งาน ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องของการกำหนดกรอบแนวคิด ตัวชี้วัด ข้อมูลที่จะต้องจัดเก็บแบบ
รายงานและเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามและประเมินผล ผลการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้
รวมทั้งสามารถกำหนดตัวชี้วัดโครงการได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อโครงการดำเนินการแล้ว ทุกหน่วยงานสามารถมองภาพโครงการที่ตนเองรับผิดชอบ
ได้ชัดเจนตลอดทุกช่วงของผลที่จะเกิด ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงาน/โครงการและใช้ในการติดตามประเมินผล และรายงานได้เป็นอย่างดี
- ปัญหาอุปสรรค ผู้บริหารของส่วนราชการ หรือผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจบางโครงการ ยังให้ความสำคัญต่อการติดตามและประเมินผล
ในระดับต่ำ หรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน มอบการติดตามและประเมินผลเป็นภาพของการจับผิด
- แนวทางแก้ไข เพิ่มการถ่ายทอดความรู้และปรับทัศนคติอย่างมีระบบต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 พ.ย. 2543--
-สส-