คณะรัฐมนตรีอนุมัติเรื่องการทบทวนอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลและรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดระบบศูนย์ราชการ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ (ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4) ดังนี้
1. ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางเพียงหน่วยงานเดียวรับผิดชอบดูแลการรักษาความปลอดภัย การรักษาความสะอาด และค่าสาธารณูปโภคเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน ตลอดจนรับผิดชอบดูแลรักษาต้นไม้ สวนไม้ประดับ สวนหย่อมและสนามหญ้าบริเวณดังกล่าวของส่วนราชการที่ตั้งอยู่บนศาลากลางจังหวัด และที่ตั้งอยู่ในบริเวณศาลากลางจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นศูนย์ราชการแล้ว และที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นศูนย์ราชการ ยกเว้นหน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งไม่สังกัดฝ่ายบริหารหรือหน่วยงานซึ่งอยู่ในสังกัดฝ่ายบริหาร แต่มีการปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ จำเป็นต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัย การรักษาความสะอาดแตกต่างไปจากหน่วยงานทั่วไป เช่น หน่วยงานในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
2. การจัดสรรงบประมาณ การดูแลรักษา ฯลฯ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ซ่อมแซม และบำรุงรักษา ส่วนราชการที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ให้ตั้งงบประมาณไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเกลี่ยอัตรากำลังใหม่ให้มีความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน
3. ให้กรมธนารักษ์มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการดูแลพื้นที่และศูนย์ราชการฯ
4. ให้ตัดโอนตำแหน่งและอัตราค่าจ้างของลูกจ้างประจำ ตำแหน่งนักการภารโรง พร้อมทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปตั้งจ่ายที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเกลี่ยอัตรากำลังใหม่ให้มีความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน
5. ให้คณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 พิจารณาแก้ไขระเบียบคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการว่าด้วยการบริหารศูนย์ราชการ พ.ศ. 2542 เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการในข้อ 1 - 4
ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมในการบริหารงานและการปฏิบัติงานของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เห็นสมควรให้ดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 4 ไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าในปัจจุบันมีสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น หอประชุม ศาลาประชาคม สนามกีฬาจังหวัด ฯลฯ ซึ่งก่อสร้างด้วยงบประมาณจำนวนมาก แต่ยังใช้งานไม่คุ้มค่า บางแห่งทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ สมควรมีการแก้ไขระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอกชนสามารถใช้ในการจัดกิจกรรมหรืองานพิธีต่าง ๆ เพื่อจัดหารายได้เป็นค่าบำรุงรักษาสถานที่ หรือนำมาใช้บริหารจัดการภายในหน่วยงานจะทำให้สามารถใช้สถานที่อย่างคุ้มค่า และเป็นการแบ่งเบาภาระของงบประมาณแผ่นดิน
สำนักงบประมาณรายงานว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 และวันที่ 15 พฤษภาคม 2544 ในการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการบริหารจัดการดูแลศาลากลางจังหวัด และส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณศาลากลางจังหวัด ทั้งในกรณีที่เป็นศูนย์ราชการตั้งงบประมาณไว้ที่กรมธนารักษ์ และกรณีที่ไม่เป็นศูนย์ราชการตั้งงบประมาณไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และค่อนข้างสิ้นเปลืองงบประมาณในกรณีที่กรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล เนื่องจากไม่สามารถขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เหมือนเช่นสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชา อีกทั้งการมีหน่วยงานหลายหน่วยดูแลยังไม่สอดคล้องกับหลักการในการดูแลศูนย์ราชการในส่วนภูมิภาคตามที่คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเสนอไว้ คือ ให้มีหน่วยงานกลางเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารการดูแลรับผิดชอบแก่หน่วยราชการต่าง ๆ ที่อยู่บนศาลากลางจังหวัดและศูนย์ราชการเกิดประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรการปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ จึงขอนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนดังกล่าว
อนึ่ง ในการมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (ผู้ว่าราชการจังหวัด) เป็นหน่วยงานกลางเพียงหน่วยเดียวในการดูแลศูนย์ราชการในส่วนภูมิภาค จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการว่าด้วยการบริหารศูนย์ราชการ พ.ศ. 2542 บางข้อที่กำหนดไว้เป็นหน้าที่ของกรมธนารักษ์ โดยแก้ไขให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลศูนย์ราชการ เพื่อมิให้ขัดกับหลักการของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ จึงเห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้คณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 พิจารณาแก้ไขระเบียบคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการฯ พ.ศ. 2542 ดังกล่าวต่อไปด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 ก.ค.44--
-สส-
1. ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางเพียงหน่วยงานเดียวรับผิดชอบดูแลการรักษาความปลอดภัย การรักษาความสะอาด และค่าสาธารณูปโภคเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน ตลอดจนรับผิดชอบดูแลรักษาต้นไม้ สวนไม้ประดับ สวนหย่อมและสนามหญ้าบริเวณดังกล่าวของส่วนราชการที่ตั้งอยู่บนศาลากลางจังหวัด และที่ตั้งอยู่ในบริเวณศาลากลางจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นศูนย์ราชการแล้ว และที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นศูนย์ราชการ ยกเว้นหน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งไม่สังกัดฝ่ายบริหารหรือหน่วยงานซึ่งอยู่ในสังกัดฝ่ายบริหาร แต่มีการปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ จำเป็นต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัย การรักษาความสะอาดแตกต่างไปจากหน่วยงานทั่วไป เช่น หน่วยงานในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
2. การจัดสรรงบประมาณ การดูแลรักษา ฯลฯ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ซ่อมแซม และบำรุงรักษา ส่วนราชการที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ให้ตั้งงบประมาณไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเกลี่ยอัตรากำลังใหม่ให้มีความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน
3. ให้กรมธนารักษ์มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการดูแลพื้นที่และศูนย์ราชการฯ
4. ให้ตัดโอนตำแหน่งและอัตราค่าจ้างของลูกจ้างประจำ ตำแหน่งนักการภารโรง พร้อมทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปตั้งจ่ายที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเกลี่ยอัตรากำลังใหม่ให้มีความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน
5. ให้คณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 พิจารณาแก้ไขระเบียบคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการว่าด้วยการบริหารศูนย์ราชการ พ.ศ. 2542 เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการในข้อ 1 - 4
ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมในการบริหารงานและการปฏิบัติงานของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เห็นสมควรให้ดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 4 ไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าในปัจจุบันมีสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น หอประชุม ศาลาประชาคม สนามกีฬาจังหวัด ฯลฯ ซึ่งก่อสร้างด้วยงบประมาณจำนวนมาก แต่ยังใช้งานไม่คุ้มค่า บางแห่งทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ สมควรมีการแก้ไขระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอกชนสามารถใช้ในการจัดกิจกรรมหรืองานพิธีต่าง ๆ เพื่อจัดหารายได้เป็นค่าบำรุงรักษาสถานที่ หรือนำมาใช้บริหารจัดการภายในหน่วยงานจะทำให้สามารถใช้สถานที่อย่างคุ้มค่า และเป็นการแบ่งเบาภาระของงบประมาณแผ่นดิน
สำนักงบประมาณรายงานว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 และวันที่ 15 พฤษภาคม 2544 ในการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการบริหารจัดการดูแลศาลากลางจังหวัด และส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณศาลากลางจังหวัด ทั้งในกรณีที่เป็นศูนย์ราชการตั้งงบประมาณไว้ที่กรมธนารักษ์ และกรณีที่ไม่เป็นศูนย์ราชการตั้งงบประมาณไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และค่อนข้างสิ้นเปลืองงบประมาณในกรณีที่กรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล เนื่องจากไม่สามารถขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เหมือนเช่นสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชา อีกทั้งการมีหน่วยงานหลายหน่วยดูแลยังไม่สอดคล้องกับหลักการในการดูแลศูนย์ราชการในส่วนภูมิภาคตามที่คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเสนอไว้ คือ ให้มีหน่วยงานกลางเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารการดูแลรับผิดชอบแก่หน่วยราชการต่าง ๆ ที่อยู่บนศาลากลางจังหวัดและศูนย์ราชการเกิดประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรการปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ จึงขอนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนดังกล่าว
อนึ่ง ในการมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (ผู้ว่าราชการจังหวัด) เป็นหน่วยงานกลางเพียงหน่วยเดียวในการดูแลศูนย์ราชการในส่วนภูมิภาค จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการว่าด้วยการบริหารศูนย์ราชการ พ.ศ. 2542 บางข้อที่กำหนดไว้เป็นหน้าที่ของกรมธนารักษ์ โดยแก้ไขให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลศูนย์ราชการ เพื่อมิให้ขัดกับหลักการของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ จึงเห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้คณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 พิจารณาแก้ไขระเบียบคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการฯ พ.ศ. 2542 ดังกล่าวต่อไปด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 ก.ค.44--
-สส-