คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการจัดให้มีการศึกษาวิจัยโครงการศึกษาวิจัยเรื่อง "กฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ" ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า คณะกรรมการพัฒนากฎหมายได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 63-3/2544 วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2544 เห็นสมควรให้มีการศึกษาวิจัยกฎหมาย 1 โครงการ คือ โครงการวิจัยเรื่อง "กฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ" เนื่องจากเห็นว่า โดยที่รายได้สำคัญประการหนึ่งของประเทศไทยมาจากการค้าระหว่างประเทศ และประเทศที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจและมีบทบาทสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศกับประเทศไทยนั้น ต่างเป็นประเทศภาคีแห่งอนุสัญญา Convention on Contracts for the International Sale of Goods (Vienna, 1980) และ Convention on the Limitation Period in the International Sale of Goods (New York, 1974)แทบทั้งสิ้น การที่ประเทศไทยจะพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายภายในของไทยให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าวย่อมจะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ประกอบการต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นการอำนวยประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศ และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการศึกษาสาระของอนุสัญญาดังกล่าว ตลอดจนความเหมาะสมในการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว และการดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นของประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อพัฒนากฎหมายไทยให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว รวมถึงวิธีปฏิบัติในทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งโครงการศึกษาวิจัยนี้จะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 6 เดือน ประมาณการค่าใช้จ่ายไม่เกิน1,000,000 บาท
โครงการศึกษาวิจัยดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สมควรจัดให้มีการวิจัยตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย และสำหรับค่าใช้จ่ายของโครงการศึกษาวิจัยนี้จะใช้เงินค่าใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวน 65,211,508.25 บาท และมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายอยู่จำนวน6,060,000 บาท คงเหลือเงินทุนหมุนเวียนที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จำนวน 59,151,508.25 บาท ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มเติมแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 ก.ย.44--
-สส-
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า คณะกรรมการพัฒนากฎหมายได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 63-3/2544 วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2544 เห็นสมควรให้มีการศึกษาวิจัยกฎหมาย 1 โครงการ คือ โครงการวิจัยเรื่อง "กฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ" เนื่องจากเห็นว่า โดยที่รายได้สำคัญประการหนึ่งของประเทศไทยมาจากการค้าระหว่างประเทศ และประเทศที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจและมีบทบาทสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศกับประเทศไทยนั้น ต่างเป็นประเทศภาคีแห่งอนุสัญญา Convention on Contracts for the International Sale of Goods (Vienna, 1980) และ Convention on the Limitation Period in the International Sale of Goods (New York, 1974)แทบทั้งสิ้น การที่ประเทศไทยจะพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายภายในของไทยให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าวย่อมจะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ประกอบการต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นการอำนวยประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศ และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการศึกษาสาระของอนุสัญญาดังกล่าว ตลอดจนความเหมาะสมในการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว และการดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นของประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อพัฒนากฎหมายไทยให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว รวมถึงวิธีปฏิบัติในทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งโครงการศึกษาวิจัยนี้จะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 6 เดือน ประมาณการค่าใช้จ่ายไม่เกิน1,000,000 บาท
โครงการศึกษาวิจัยดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สมควรจัดให้มีการวิจัยตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย และสำหรับค่าใช้จ่ายของโครงการศึกษาวิจัยนี้จะใช้เงินค่าใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวน 65,211,508.25 บาท และมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายอยู่จำนวน6,060,000 บาท คงเหลือเงินทุนหมุนเวียนที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จำนวน 59,151,508.25 บาท ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มเติมแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 ก.ย.44--
-สส-