คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) เรื่อง การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับค่าผ่านทางพิเศษ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้รัฐวิสาหกิจที่ประกอบการสาธารณูปการรับความเห็นในเรื่องนี้ไปถือปฏิบัติเป็นแนวทางต่อไป เนื่องจากปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว เป็นปัญหาข้อกฎหมายในกรณีที่รัฐวิสาหกิจไม่ดำเนินการในเรื่องที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) เห็นว่ารัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการเรื่องนั้น ๆ ต่อไปได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) ได้พิจารณาข้อหารือในปัญหาข้อกฎหมายของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแล้ว มีความเห็นว่าการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีอำนาจเรียกเก็บได้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ข้อ 47 ข้อ 48 และข้อ 49 และโดยที่การจัดเก็บค่าบริการสำหรับการใช้ทางพิเศษเป็นลักษณะการให้บริการ ซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77/2 การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจึงสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแยกหรือรวมอยู่ในราคาค่าผ่านทางพิเศษได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79 มาตรา 82 และมาตรา 82/4 แต่เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (7 มกราคม 2535) ให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มภายหลังจากที่ภาษีมูลค่าเพิ่มมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มกราคม 2535 การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจึงต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ข้อ 33 ที่กำหนดให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยต้องปฏิบัติตามนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรี ดังนั้น การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2544 หรือจะจัดเก็บตั้งแต่เมื่อใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ส.ค.44--
-สส-
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) ได้พิจารณาข้อหารือในปัญหาข้อกฎหมายของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแล้ว มีความเห็นว่าการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีอำนาจเรียกเก็บได้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ข้อ 47 ข้อ 48 และข้อ 49 และโดยที่การจัดเก็บค่าบริการสำหรับการใช้ทางพิเศษเป็นลักษณะการให้บริการ ซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77/2 การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจึงสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแยกหรือรวมอยู่ในราคาค่าผ่านทางพิเศษได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79 มาตรา 82 และมาตรา 82/4 แต่เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (7 มกราคม 2535) ให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มภายหลังจากที่ภาษีมูลค่าเพิ่มมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มกราคม 2535 การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจึงต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ข้อ 33 ที่กำหนดให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยต้องปฏิบัติตามนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรี ดังนั้น การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2544 หรือจะจัดเก็บตั้งแต่เมื่อใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ส.ค.44--
-สส-