คณะรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินการตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 1373 (2001) ว่าด้วยการต่อสู้การก่อการร้ายสากล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบภายในประเทศ นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณามติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติดังกล่าวแล้ว เห็นว่าภารกิจด้านกฎหมายที่ประเทศไทยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมตินี้มีอยู่ 2 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 การกำหนดความผิดฐานการก่อการร้าย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาข้อมูลของกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับความผิดฐานการก่อการร้ายแล้ว ปรากฏว่าข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน การกำหนดความผิดฐานการก่อการร้ายไม่เป็นที่ยุติ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำเป็น Draft Comprehensive Convention on International Terrorism ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติและมีการเสนอร่างโดยประเทศอินเดียและประเทศมาเลเซียเพื่อพิจารณาอยู่ด้วย นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดความผิดฐานก่อการร้ายไว้แล้วใน Title 18 แห่ง US. Code และ Patriot Act 2001
สำนักงานฯ ได้พิจารณาข้อมูลดังกล่าวแล้วจึงได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา โดยเพิ่มลักษณะความผิดฐานการก่อการร้ายขึ้น และมีหลักการสอดคล้องกับแนวทางการกำหนดมาตรฐานความผิดการก่อการร้ายที่มีการพิจารณาในกฎหมายระหว่างประเทศดังกล่าว โดยกำหนดให้การกระทำเพื่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย ชื่อเสียง สิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือให้เสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ โดยมุ่งหมายให้ประชาชนหวาดกลัวหรือเพื่อบังคับรัฐบาลหรือองค์การระหว่างประเทศเป็นความผิดฐานการก่อการร้าย และในการกำหนดความผิดได้กำหนดโทษทั้งกรณีผู้กระทำและผู้สนับสนุนทางการเงินหรือโดยวิธีอื่นใดด้วย
ประเด็นที่ 2 การระงับความเคลื่อนไหวทางการเงิน
ได้ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นความผิดมูลฐานเพิ่มเติม เพื่อให้นำมาตรการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้ในการระงับการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับดังกล่าวในส่วนอื่น เช่น การกำหนดให้ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นต้น นั้น ขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้พิจารณาเพื่อแก้ไขทั้งฉบับเพื่อให้มาตรการควบคุมการฟอกเงินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่ได้เพิ่มความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นความผิดมูลฐานในพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการเพียงพอแก่การปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงที่ให้มีมาตรการระงับความเคลื่อนไหวทางการเงินแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณามติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติดังกล่าวแล้ว เห็นว่าภารกิจด้านกฎหมายที่ประเทศไทยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมตินี้มีอยู่ 2 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 การกำหนดความผิดฐานการก่อการร้าย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาข้อมูลของกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับความผิดฐานการก่อการร้ายแล้ว ปรากฏว่าข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน การกำหนดความผิดฐานการก่อการร้ายไม่เป็นที่ยุติ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำเป็น Draft Comprehensive Convention on International Terrorism ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติและมีการเสนอร่างโดยประเทศอินเดียและประเทศมาเลเซียเพื่อพิจารณาอยู่ด้วย นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดความผิดฐานก่อการร้ายไว้แล้วใน Title 18 แห่ง US. Code และ Patriot Act 2001
สำนักงานฯ ได้พิจารณาข้อมูลดังกล่าวแล้วจึงได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา โดยเพิ่มลักษณะความผิดฐานการก่อการร้ายขึ้น และมีหลักการสอดคล้องกับแนวทางการกำหนดมาตรฐานความผิดการก่อการร้ายที่มีการพิจารณาในกฎหมายระหว่างประเทศดังกล่าว โดยกำหนดให้การกระทำเพื่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย ชื่อเสียง สิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือให้เสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ โดยมุ่งหมายให้ประชาชนหวาดกลัวหรือเพื่อบังคับรัฐบาลหรือองค์การระหว่างประเทศเป็นความผิดฐานการก่อการร้าย และในการกำหนดความผิดได้กำหนดโทษทั้งกรณีผู้กระทำและผู้สนับสนุนทางการเงินหรือโดยวิธีอื่นใดด้วย
ประเด็นที่ 2 การระงับความเคลื่อนไหวทางการเงิน
ได้ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นความผิดมูลฐานเพิ่มเติม เพื่อให้นำมาตรการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้ในการระงับการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับดังกล่าวในส่วนอื่น เช่น การกำหนดให้ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นต้น นั้น ขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้พิจารณาเพื่อแก้ไขทั้งฉบับเพื่อให้มาตรการควบคุมการฟอกเงินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่ได้เพิ่มความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นความผิดมูลฐานในพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการเพียงพอแก่การปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงที่ให้มีมาตรการระงับความเคลื่อนไหวทางการเงินแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-