ทำเนียบรัฐบาล--3 ต.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีอำนาจยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยให้คำนวณจากวงเงินลงทุน โดยมีระยะเวลาไม่เกินแปดปี และมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้หักผลขาดทุนออกจากกำไรสุทธิภายหลังระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี
2. ปรับปรุงให้มีการกำหนดพื้นที่และเขตพื้นที่ เพื่อให้ครอบคลุมกรณีที่กำหนดให้นิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนด้วย
3. กำหนดให้นำกฎหมายว่าด้วยศุลกากรมาใช้บังคับในกรณีที่ผู้ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ไม่ชำระเงินเพิ่มภายในกำหนดระยะเวลาสามเดือน นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาที่กรมศุลกากรได้แจ้งจำนวนเงินภาษีอากรหรืออากรเพิ่มที่ต้องชำระ
4. กำหนดให้นำประมวลรัษฎากรมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคลหากผู้นั้นไม่ยอมชำระภาษีอากรหรือภาษีอากรเพิ่มและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร และกำหนดให้คำสั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่กระทบกระเทือนต่อเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ได้จ่ายไปแล้วก่อนวันที่คณะกรรมการมีคำสั่งเพิกถอน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 3 ตุลาคม 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีอำนาจยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยให้คำนวณจากวงเงินลงทุน โดยมีระยะเวลาไม่เกินแปดปี และมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้หักผลขาดทุนออกจากกำไรสุทธิภายหลังระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี
2. ปรับปรุงให้มีการกำหนดพื้นที่และเขตพื้นที่ เพื่อให้ครอบคลุมกรณีที่กำหนดให้นิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนด้วย
3. กำหนดให้นำกฎหมายว่าด้วยศุลกากรมาใช้บังคับในกรณีที่ผู้ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ไม่ชำระเงินเพิ่มภายในกำหนดระยะเวลาสามเดือน นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาที่กรมศุลกากรได้แจ้งจำนวนเงินภาษีอากรหรืออากรเพิ่มที่ต้องชำระ
4. กำหนดให้นำประมวลรัษฎากรมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคลหากผู้นั้นไม่ยอมชำระภาษีอากรหรือภาษีอากรเพิ่มและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร และกำหนดให้คำสั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่กระทบกระเทือนต่อเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ได้จ่ายไปแล้วก่อนวันที่คณะกรรมการมีคำสั่งเพิกถอน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 3 ตุลาคม 2543--
-สส-