ทำเนียบรัฐบาล--29 ส.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เกี่ยวกับเรื่องหนี้ค่าข้าวโครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซียดังนี้
1. เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากแผนงานชำระหนี้เงินกู้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลเกาหลีเหนือจำนวน 79,678,700.00 บาท เพื่อนำมาจ่ายชำระหนี้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซีย แก่ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดังนี้
1.1 จ่ายชำระหนี้เงินต้นให้ธนาคารออมสินที่ครบกำหนดวันที่ 4 กรกฎาคม 2543 พร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันที่ชำระหนี้ ประมาณ 18,039,109.46 บาท และขอกันเงินเหลื่อมปีเพื่อชำระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 2 มกราคม 2544 เพื่อจ่ายในปีงบประมาณ 2544 ประมาณ 11,687,723.60 บาท รวมเป็นเงินที่จะชำระธนาคารออมสินจำนวนประมาณ 29,726,833.06 บาท
1.2 นำเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ธนาคารออมสิน จากข้อ 1.1 มาชำระหนี้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบด้วย เงินต้นบางส่วนประมาณ 42,236,272.73 บาท และดอกเบี้ยประมาณ 7,715,594.21 บาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 49,951,866.94 บาท
2. ให้องค์การคลังสินค้ากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับหนี้เงินต้นค้างชำระธนาคารกรุงไทยอีกประมาณ 98,012,327.27 บาท โดยเปลี่ยนเป็นหนี้เงินกู้ระยะยาว ในอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก ร้อยละ 8อัตราดอกเบี้ยถัดไป เป็นอัตรา MLR ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระยะเวลาเงินกู้ภายในปีงบประมาณ 2545โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน
3. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณปี 2545 เพื่อชำระหนี้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซียโดยประมาณการหนี้ค้างชำระทั้งสิ้น 283,107,773.59 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวนประมาณ108,543,953.23 บาท และที่ยืมมาจากหน่วยบัญชีการข้าว จำนวนประมาณ 174,563,820.36 บาท
4. เมื่อกระทรวงพาณิชย์ได้รับชำระหนี้ค่าข้าวจากรัฐบาลรัสเซีย ให้นำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดินต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวจำนวน 200,000 ตัน เป็นเงินเชื่อแก่รัฐบาลรัสเซียหากมีวงเงินขาดทุนให้เสนอสำนักงบประมาณตั้งงบประมาณชดใช้ และให้กรมการค้าต่างประเทศ โดยองค์การคลังสินค้ากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินงานซื้อขายข้าว และให้กู้เงินจากธนาคารออมสินเพื่อนำไปชำระในส่วนของดอกเบี้ยที่ต้องชำระแก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันหลังจากดำเนินการแล้วปรากฏว่ารัฐบาลรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ จำนวน 79.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการทำข้อตกลงขอผัดผ่อนการชำระหนี้ของรัฐบาลรัสเซีย โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6.75 กำหนดชำระหนี้ในวันที่ 1 มกราคม และ 1 กรกฎาคม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ถึง พ.ศ. 2544 รวม 14 งวด ซึ่งรัฐบาลรัสเซียชำระหนี้ตามข้อตกลงฯถึงปี พ.ศ. 2541 จำนวน 8 งวด เป็นเงิน 39.53 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เริ่มผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่งวด 9 - 12 รวม 4 งวดเป็นเงินค้างชำระ 27.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระจำนวน 2 งวด (1 มกราคม 2544 -1 กรกฎาคม 2544) จำนวน 12.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2. หลังจากที่รัฐบาลรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ตามข้อตกลงผัดผ่อนชำระหนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้ขอยืมจากบัญชีหน่วยบัญชีการข้าว ทดรองจ่ายในการดำเนินงานและจ่ายชำระเงินกู้ให้กับธนาคารทั้งสองดังกล่าว เพื่อลดภาระหนี้เบื้องต้น ขณะเดียวกันได้ดำเนินการติดตามเร่งรัดทวงถามหนี้ที่ค้างชำระอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลรัสเซียไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ค่าข้าวตามกำหนดได้ ส่งผลให้เกิดภาวะหนี้เงินกู้จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ขณะนี้ยอดรวมภาระหนี้ต่าง ๆ ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 เป็นเงินประมาณ 350,769,648.97 บาท
3. ต่อมากระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้า สำนักงบประมาณ และสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ได้เจรจากับธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้ของโครงการฯ ดังกล่าว ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอแนะให้นำเงินที่เหลือจ่ายจากงบประมาณปี 2543 จากแผนงานชำระหนี้เงินกู้ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อขายข้าวให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ จำนวน 79,678,700.00 บาท มาจ่ายชำระหนี้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซีย ส่วนธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ยินยอมยกเว้นเบี้ยปรับสำหรับหนี้ที่ครบกำหนดชำระในวันที่ 4 กรกฎาคม 2543 และวันที่ 22 กรกฎาคม 2543 จนถึงวันชำระ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 29 ส.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เกี่ยวกับเรื่องหนี้ค่าข้าวโครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซียดังนี้
1. เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากแผนงานชำระหนี้เงินกู้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลเกาหลีเหนือจำนวน 79,678,700.00 บาท เพื่อนำมาจ่ายชำระหนี้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซีย แก่ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดังนี้
1.1 จ่ายชำระหนี้เงินต้นให้ธนาคารออมสินที่ครบกำหนดวันที่ 4 กรกฎาคม 2543 พร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันที่ชำระหนี้ ประมาณ 18,039,109.46 บาท และขอกันเงินเหลื่อมปีเพื่อชำระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 2 มกราคม 2544 เพื่อจ่ายในปีงบประมาณ 2544 ประมาณ 11,687,723.60 บาท รวมเป็นเงินที่จะชำระธนาคารออมสินจำนวนประมาณ 29,726,833.06 บาท
1.2 นำเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ธนาคารออมสิน จากข้อ 1.1 มาชำระหนี้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบด้วย เงินต้นบางส่วนประมาณ 42,236,272.73 บาท และดอกเบี้ยประมาณ 7,715,594.21 บาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 49,951,866.94 บาท
2. ให้องค์การคลังสินค้ากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับหนี้เงินต้นค้างชำระธนาคารกรุงไทยอีกประมาณ 98,012,327.27 บาท โดยเปลี่ยนเป็นหนี้เงินกู้ระยะยาว ในอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก ร้อยละ 8อัตราดอกเบี้ยถัดไป เป็นอัตรา MLR ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระยะเวลาเงินกู้ภายในปีงบประมาณ 2545โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน
3. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณปี 2545 เพื่อชำระหนี้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซียโดยประมาณการหนี้ค้างชำระทั้งสิ้น 283,107,773.59 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวนประมาณ108,543,953.23 บาท และที่ยืมมาจากหน่วยบัญชีการข้าว จำนวนประมาณ 174,563,820.36 บาท
4. เมื่อกระทรวงพาณิชย์ได้รับชำระหนี้ค่าข้าวจากรัฐบาลรัสเซีย ให้นำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดินต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวจำนวน 200,000 ตัน เป็นเงินเชื่อแก่รัฐบาลรัสเซียหากมีวงเงินขาดทุนให้เสนอสำนักงบประมาณตั้งงบประมาณชดใช้ และให้กรมการค้าต่างประเทศ โดยองค์การคลังสินค้ากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินงานซื้อขายข้าว และให้กู้เงินจากธนาคารออมสินเพื่อนำไปชำระในส่วนของดอกเบี้ยที่ต้องชำระแก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันหลังจากดำเนินการแล้วปรากฏว่ารัฐบาลรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ จำนวน 79.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการทำข้อตกลงขอผัดผ่อนการชำระหนี้ของรัฐบาลรัสเซีย โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6.75 กำหนดชำระหนี้ในวันที่ 1 มกราคม และ 1 กรกฎาคม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ถึง พ.ศ. 2544 รวม 14 งวด ซึ่งรัฐบาลรัสเซียชำระหนี้ตามข้อตกลงฯถึงปี พ.ศ. 2541 จำนวน 8 งวด เป็นเงิน 39.53 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เริ่มผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่งวด 9 - 12 รวม 4 งวดเป็นเงินค้างชำระ 27.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระจำนวน 2 งวด (1 มกราคม 2544 -1 กรกฎาคม 2544) จำนวน 12.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2. หลังจากที่รัฐบาลรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ตามข้อตกลงผัดผ่อนชำระหนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้ขอยืมจากบัญชีหน่วยบัญชีการข้าว ทดรองจ่ายในการดำเนินงานและจ่ายชำระเงินกู้ให้กับธนาคารทั้งสองดังกล่าว เพื่อลดภาระหนี้เบื้องต้น ขณะเดียวกันได้ดำเนินการติดตามเร่งรัดทวงถามหนี้ที่ค้างชำระอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลรัสเซียไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ค่าข้าวตามกำหนดได้ ส่งผลให้เกิดภาวะหนี้เงินกู้จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ขณะนี้ยอดรวมภาระหนี้ต่าง ๆ ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 เป็นเงินประมาณ 350,769,648.97 บาท
3. ต่อมากระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้า สำนักงบประมาณ และสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ได้เจรจากับธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้ของโครงการฯ ดังกล่าว ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอแนะให้นำเงินที่เหลือจ่ายจากงบประมาณปี 2543 จากแผนงานชำระหนี้เงินกู้ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อขายข้าวให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ จำนวน 79,678,700.00 บาท มาจ่ายชำระหนี้โครงการขายข้าวให้รัฐบาลรัสเซีย ส่วนธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ยินยอมยกเว้นเบี้ยปรับสำหรับหนี้ที่ครบกำหนดชำระในวันที่ 4 กรกฎาคม 2543 และวันที่ 22 กรกฎาคม 2543 จนถึงวันชำระ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 29 ส.ค. 2543--
-สส-