เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่น ที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับ ..) พ.ศ. ....)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับ ..) พ.ศ. ....) รวม 2 ฉบับ ตามที่ กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องจัดทำบัญชีด้วยสกุลเงินต่างประเทศซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานตามมาตรฐานการบัญชี
1.2 กำหนดให้เพิ่มเติมอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินตราทรัพย์สินหรือหนี้สิน ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่กำหนด
1.3 กำหนดให้เงินตรา สินทรัพย์และหนี้สินที่เหลืออยู่เมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายก่อนกิจการใช้สกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานที่มิใช่สกุลเงินไทยในการจัดทำบัญชีงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุน ให้แปลงค่าเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน โดยใช้วิธีการตามมาตรฐานการบัญชีและได้รับการรับรองจากผู้สอบบัญชี ทั้งนี้ กำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการแปลงค่าในกรณีการเปลี่ยนสกุลเงินในการจัดทำบัญชีนี้ไม่ให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่าย ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
1.4 กำหนดให้การกรอบแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลกำหนดให้ใช้สกุลเงินไทย โดยในการแปลงค่าสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานที่มิใช่สกุลเงินไทยเป็นสกุลเงินไทยเพื่อกรอบแบบฯ และชำระภาษี ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราชื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ (อัตรากลางของ ธปท.) ตามช่วงเวลาที่เกิดรายได้และรายจ่ายนั้น โดยกำไรหรือผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการแปลงค่าเงินสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานมิใช่เงินสกุลไทย เป็นเงินสกุลไทยเพื่อนำเงินนั้นมาชำระภาษีไม่ให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
1.5 กำหนดให้ผลขาดทุนสุทธิยกมาและเครดิตภาษี (ถ้ามี) สามารถนำมาใช้ในการชำระภาษีต่อไปได้ โดยไม่ต้องแปลงค่าเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานที่มิใช่สกุลเงินไทย เช่น กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีผลขาดทุนสุทธิในปีก่อนเป็นจำนวนเงินสกุลไทยหรือเป็นจำนวนเงินสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานที่มิใช่เงินสกุลไทยและได้แปลงค่าผลขาดทุนสุทธินั้นเป็นเงินสกุลไทยเพื่อกรอบแบบแสดงรายการภาษีแล้วในปีภาษีถัดมาให้นำผลขาดทุนสุทธิที่เป็นเงินสกุลไทยนั้น มาใช้ในการคำนวณภาษีโดยมิต้องแปลงค่ากลับไปเป็นเงินสกุลที่ใช่ในการดำเนินงานที่มิใช่สกุลเงินไทยอีก
1.6 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลต้องขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร ดังนี้ สกุลเงินต่างประเทศที่จะใช้ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินสกุลอื่นเป็นเงินสกุลที่ใช้ในการดำเนินงาน
1.7 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้สกุลเงินไทยในการคำนวณภาษีอยู่แล้ว หากต้องการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินสกุลอื่นเป็นเงินสกุลไทย ต้องขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร
1.8 กำหนดให้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรตามข้อ 2.6 และ 2.7 แล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป ในกรณีจำเป็น บริษัทฯ สามารถขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อเปลี่ยนแปลงสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินตราได้
1.9 กำหนดให้บทบัญญัติในเรื่องนี้ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
2. ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
2.1 กำหนดให้ผู้ประกอบการใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียมได้
2.2 กำหนดให้ผู้ประกอบการที่จะใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ต้องขอและได้รับอนุมัติให้ใช้สกุลเงินต่างประเทศ ในการทำบัญชี หลักฐานและเอกสารประกอบการลงบัญชี สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้สกุลเงินต่างประเทศในการทำบัญชี หลักฐานและเอกสารประกอบการลงบัญชีตามมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ไปแล้ว ให้ใช้เงินสกุลต่างประเทศนั้นในการคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียมตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559
2.3 กำหนดให้การแปลงค่าจากสกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินไทยหรือสกุลเงินต่างประเทศที่บริษัทได้รับอนุมัติให้ใช้เพื่อคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ให้ใช้วิธีการแปลงค่าตามที่กำหนด ทั้งนี้ การใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการและการใช้อัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ ให้ขออนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร และเมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้ผู้ประกอบการถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป
2.4 กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมที่ใช้เงินตราต่างประเทศในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม แปลงค่ารายได้ รายจ่ายและกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยเพื่อกรอกแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้สำหรับช่วงเวลาที่ยื่นแบบฯ ตามที่กำหนด
2.5 กำหนดห้ามมิให้นำกำไรหรือผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอันเกิดจากการแปลงค่าเงินสกุลต่างประเทศเป็นเงินสกุลไทยเพื่อนำเงินนั้นมาชำระภาษีมารวมคำนวณเป็นรายได้หรือรายจ่ายเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
2.6 กำหนดให้ภาษีอากรค้าง ผลขาดทุนสุทธิยกมาและเครดิตภาษีของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีสามารถนำมาใช้ในการคำนวณภาษีในแต่ละปีได้ โดยต้องไม่แปลงค่าเป็นเงินสกุลเงินต่างประเทศที่ใช้ในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
2.7 กำหนดให้วิธีการแปลงค่าเงินตรา หนี้สินและทรัพย์สินที่เหลืออยู่เมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายที่ผู้ประกอบการใช้เงินสกุลไทยในการบันทึกบัญชีเพื่อคำนวณภาษีหรือการแปลงค่าในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) ให้ใช้วิธีการตามมาตรฐานการบัญชีที่ได้รับการรับรองจากผู้สอบบัญชี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559--