คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ให้เงินกู้แก่ บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในวงเงิน 600 ล้านบาท เป็นการชั่วคราว เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการจัดซื้อวัตถุดิบ โดยให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ นำสต๊อกปุ๋ย/บัญชีลูกหนี้การค้าพร้อมการโอนสิทธิการรับเงินมูลค่าไม่ต่ำกว่า600 ล้านบาท เป็นหลักประกันต่อ ปตท. และให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ เจรจากับกลุ่มสถาบันการเงินผู้ให้กู้ยินยอมให้ ปตท. ได้รับสิทธิเรียกร้องในการได้รับชำระหนี้ได้เป็นอันดับแรก
ทั้งนี้ เนื่องจากในขณะนี้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ กำลังประสบปัญหาทางการเงิน และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน มิฉะนั้น บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ จะต้องหยุดการผลิตและปิดกิจการภายในเดือนพฤษภาคม 2544 นี้ ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ ได้แก่ เกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ย ซึ่งปุ๋ยอาจขาดตลาดและมีราคาแพงขึ้น สถาบันการเงินผู้ให้กู้ซึ่งมีวงเงินกู้รวมทั้งหมด ณ วันที่ 30 เมษายน 2544 จำนวนประมาณ 8,613 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างชำระประมาณ1,700 ล้านบาท) รวมทั้งจะเกิดภาระหนี้สูญจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ในส่วนของผู้ถือหุ้นจะสูญเสียเงินลงทุนจำนวนประมาณ 8,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของรัฐบาลประมาณ 6,300 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ จึงได้สรุปหาแนวทางที่จะคงโครงการปุ๋ยแห่งชาติไว้ ดังนี้
1. ให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ เลือกแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อไป โดยมีการปรับโครงสร้างเงินทุน และโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ ตามที่คณะกรรมการศึกษาข้อมูลเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้เสนอ ดังนี้
1.1 ลดทุนของบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ ลง 50%
1.2 ขอยกเว้นการจ่ายชำระดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวน 1,763 ล้านบาท จากกลุ่มสถาบันการเงินผู้ให้กู้
1.3 ขอลดหนี้ลง 4,000 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนเป็น
- การแปลงหนี้เป็นทุน 2,000 ล้านบาท เป็นหุ้นจำนวน 400 ล้านหุ้น (ราคาหุ้นละ 5 บาท)
- ออก Warrants อายุ 10 ปี ชดเชยให้สถาบันการเงินผู้ให้กู้อีก 400 ล้านหุ้น (Exercise price ที่ 5 บาท ตลอดระยะเวลา 10 ปี)
1.4 ผู้ถือหุ้นรายใหม่ เพิ่มทุนเข้ามาอีก 2,000 ล้านบาท
2. ให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ ขอรับความช่วยเหลือจาก ปตท. ในการค้ำประกันวงเงินหมุนเวียนเพื่อการซื้อวัตถุดิบในระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินยังไม่แล้วเสร็จ ในวงเงินรวม 600 ล้านบาท
3. ให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาและเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการด่วนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯซึ่งหากต้องหยุดการผลิตและปิดกิจการจะเกิดผลเสียหายอย่างมากมายแก่ทุก ๆ ฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้ถือหุ้นและเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นของรัฐเป็นส่วนใหญ่ กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นควรให้ ปตท. ให้วงเงินกู้แก่บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ เพื่อเป็นการนำเข้าวัตถุดิบในวงเงิน 600 ล้านบาท เป็นการชั่วคราว โดยใช้สต๊อกปุ๋ย/บัญชีลูกหนี้การค้าพร้อมการโอนสิทธิการรับเงินเป็นหลักประกันและให้ ปตท. มีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้ในวงเงินนี้เป็นอันดับแรก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 22 พ.ค.2544
-สส-
ทั้งนี้ เนื่องจากในขณะนี้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ กำลังประสบปัญหาทางการเงิน และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน มิฉะนั้น บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ จะต้องหยุดการผลิตและปิดกิจการภายในเดือนพฤษภาคม 2544 นี้ ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ ได้แก่ เกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ย ซึ่งปุ๋ยอาจขาดตลาดและมีราคาแพงขึ้น สถาบันการเงินผู้ให้กู้ซึ่งมีวงเงินกู้รวมทั้งหมด ณ วันที่ 30 เมษายน 2544 จำนวนประมาณ 8,613 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างชำระประมาณ1,700 ล้านบาท) รวมทั้งจะเกิดภาระหนี้สูญจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ในส่วนของผู้ถือหุ้นจะสูญเสียเงินลงทุนจำนวนประมาณ 8,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของรัฐบาลประมาณ 6,300 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ จึงได้สรุปหาแนวทางที่จะคงโครงการปุ๋ยแห่งชาติไว้ ดังนี้
1. ให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ เลือกแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อไป โดยมีการปรับโครงสร้างเงินทุน และโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ ตามที่คณะกรรมการศึกษาข้อมูลเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้เสนอ ดังนี้
1.1 ลดทุนของบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ ลง 50%
1.2 ขอยกเว้นการจ่ายชำระดอกเบี้ยคงค้างทั้งจำนวน 1,763 ล้านบาท จากกลุ่มสถาบันการเงินผู้ให้กู้
1.3 ขอลดหนี้ลง 4,000 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนเป็น
- การแปลงหนี้เป็นทุน 2,000 ล้านบาท เป็นหุ้นจำนวน 400 ล้านหุ้น (ราคาหุ้นละ 5 บาท)
- ออก Warrants อายุ 10 ปี ชดเชยให้สถาบันการเงินผู้ให้กู้อีก 400 ล้านหุ้น (Exercise price ที่ 5 บาท ตลอดระยะเวลา 10 ปี)
1.4 ผู้ถือหุ้นรายใหม่ เพิ่มทุนเข้ามาอีก 2,000 ล้านบาท
2. ให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ ขอรับความช่วยเหลือจาก ปตท. ในการค้ำประกันวงเงินหมุนเวียนเพื่อการซื้อวัตถุดิบในระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินยังไม่แล้วเสร็จ ในวงเงินรวม 600 ล้านบาท
3. ให้บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาและเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการด่วนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯซึ่งหากต้องหยุดการผลิตและปิดกิจการจะเกิดผลเสียหายอย่างมากมายแก่ทุก ๆ ฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้ถือหุ้นและเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นของรัฐเป็นส่วนใหญ่ กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นควรให้ ปตท. ให้วงเงินกู้แก่บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติฯ เพื่อเป็นการนำเข้าวัตถุดิบในวงเงิน 600 ล้านบาท เป็นการชั่วคราว โดยใช้สต๊อกปุ๋ย/บัญชีลูกหนี้การค้าพร้อมการโอนสิทธิการรับเงินเป็นหลักประกันและให้ ปตท. มีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้ในวงเงินนี้เป็นอันดับแรก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 22 พ.ค.2544
-สส-