คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี อาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติเพิ่มเติมหรือให้นำบทบัญญัติใดของพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นได้
2. กำหนดให้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้ ธปท. โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้นำบทบัญญัติมาตรา 24 ในเรื่องใดหรือกำหนดลักษณะต้องห้ามเพิ่มเติมเพื่อใช้บังคับการแต่งตั้งกรรมการที่ไม่ใช่กรรมการโดยตำแหน่ง ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น และอาจประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินการในเรื่องที่กำหนดได้
3. กำหนดให้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจใดมีฐานะหรือการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน ให้ ธปท. เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาตามที่กำหนด เช่น มีคำสั่งให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงาน มีคำสั่งให้กรรมการ ผู้จัดการหรือผู้มีอำนาจในการจัดการคนใดคนหนึ่งหรือทุกคนหยุดทำงาน
4. กำหนดให้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจใด หากปรากฏว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจมีเงินกองทุนต่ำกว่าอัตราส่วนที่กำหนดไว้ ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นเสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะและการดำเนินงานที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยโครงการที่เสนอตามวรรคหนึ่งต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5. แก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจใดไม่เสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะและการดำเนินงานตามมาตรา 120/4 หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือคำสั่งที่รัฐมนตรีกำหนดมาตรา 120/4 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น
6. กำหนดให้คณะกรรมการที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ในความผิดตามที่กำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 ธันวาคม 2559--