คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณาเรื่อง ขอหารือกรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป ซึ่งประเด็นปัญหาตามข้อหารือดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือที่ปรึกษาในคณะกรรมการชุดต่างๆ ว่าสามารถกระทำได้หรือไม่ และเป็นการสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1 คณะที่ 3 และคณะที่ 5) ได้พิจารณาข้อหารือตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) ได้ขอหารือกรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วมีความเห็นดังนี้
1. ตำแหน่งกรรมการและที่ปรึกษาในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นตำแหน่งที่มีกฎหมายบัญญัติอำนาจหน้าที่ วาระการดำรงตำแหน่ง และผลประโยชน์ตอบแทนไว้ ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 จึงเป็นตำแหน่งหรือหน้าที่ในหน่วยราชการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 110 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่เนื่องจากวรรคสองของมาตรา 110 ได้บัญญัติมิให้นำมาตรานี้ไปใช้บังคับกับการดำรงตำแหน่งกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในฐานะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และเมื่อกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนบัญญัติให้มีกรรมการซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ รัฐมนตรีที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจึงอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษานั้น เนื่องจากไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าว จึงไม่อาจแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ และตามข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่ายังไม่เคยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแต่ประการใด
2. เมื่อนายกรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ และปรากฏว่ายังไม่เคยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 5 มิ.ย.2544
-สส-
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1 คณะที่ 3 และคณะที่ 5) ได้พิจารณาข้อหารือตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) ได้ขอหารือกรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วมีความเห็นดังนี้
1. ตำแหน่งกรรมการและที่ปรึกษาในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นตำแหน่งที่มีกฎหมายบัญญัติอำนาจหน้าที่ วาระการดำรงตำแหน่ง และผลประโยชน์ตอบแทนไว้ ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 จึงเป็นตำแหน่งหรือหน้าที่ในหน่วยราชการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 110 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่เนื่องจากวรรคสองของมาตรา 110 ได้บัญญัติมิให้นำมาตรานี้ไปใช้บังคับกับการดำรงตำแหน่งกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในฐานะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และเมื่อกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนบัญญัติให้มีกรรมการซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ รัฐมนตรีที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจึงอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษานั้น เนื่องจากไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าว จึงไม่อาจแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ และตามข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่ายังไม่เคยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแต่ประการใด
2. เมื่อนายกรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ และปรากฏว่ายังไม่เคยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 5 มิ.ย.2544
-สส-