ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน)
คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน) ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามมติที่ประชุมคณะทำงานพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แล้วมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน) ที่คณะทำงานฯ แก้ไขปรับปรุงแล้ว ตามที่ กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
2. ให้กระทรวงยุติธรรม รับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และรับเรื่องการกำหนดให้ศาลมีอำนาจลงโทษจำคุก หรือปรับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มาตามหมายเรียกหรือหมายนัดของศาลโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือหลบหนีไป โดยไม่ต้องมีการฟ้องคดี ไปพิจารณาใหม่ในการปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมหรือขังมีสิทธิในการขอให้แจ้งให้ญาติหรือบุคคลซึ่งตนไว้วางใจทราบ หรือได้รับการจัดหาทนายหรือพบและปรึกษากับผู้ที่จะเป็นทนายหรือได้รับการเยี่ยมตามสมควร
2. การจับ ขัง จำคุก หรือค้นที่รโหฐานต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลในกรณีการจับกุมบุคคลซึ่งได้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือกำลังพยายามกระทำความผิด หรือมีผู้แจ้งให้จับ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจสามารถจับบุคคลดังกล่าวได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาล
3. การออกหมายจับ จะออกได้ต่อเมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลผู้นั้นจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
4. ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับ ต้องแจ้งแก่ผู้ถูกจับด้วยว่า ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับกล่าวนั้น อาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันเขาในการพิจารณาคดีได้
5. ถ้าเจ้าพนักงานหรือราษฎรเป็นผู้จับให้นำตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจโดยทันที และเมื่อถึงที่นั้นแล้วให้แจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบ หากมีหมายจับให้อ่านให้ฟัง ในกรณีการจับโดยมีหมายให้ส่งตัวผู้ถูกจับไปยังศาลซึ่งออกหมายหรือเจ้าพนักงานที่กำหนดไว้ในหมาย
6. ห้ามมิให้ควบคุมผู้ถูกจับไว้เกินกว่าจำเป็นและหากมีความจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนโดยไม่ปล่อยชั่วคราวต้องนำผู้ต้องหาไปศาลภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ผู้ต้องหามาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน เพื่อยื่นคำขอออกหมายขังผู้ต้องหา
7. เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าบุคคลใดถูกคุมขังโดยผิดกฎหมายหรือถูกจำคุกผิดจากคำพิพากษา ให้ผู้ถูกคุมขังเอง พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดี หรือญาติของผู้นั้น เป็นผู้มีอำนาจยื่นต่อศาลเพื่อขอให้ปล่อย
8. เมื่อได้รับคำร้องให้ปล่อยชั่วคราว ให้เจ้าพนักงานหรือศาลรีบสั่งอย่างรวดเร็วแต่จะเรียกประกันหรือหลักประกันเกินควรแก่กรณีไม่ได้
9. เพื่อประโยชน์ในการบังคับคดี ให้ศาลชั้นต้นที่พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีมีอำนาจออกหมายบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาประกันได้เสมือนว่าเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา
10. เมื่อพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีแล้วผู้เสียหายหรือจำเลย สามารถขอตรวจหรือคัดสำเนาคำให้การของตนและเอกสารประกอบคำให้การได้ และในกรณีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถขอทราบสรุปพยานหลักฐานพร้อมความเห็นของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ส.ค.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน) ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามมติที่ประชุมคณะทำงานพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แล้วมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การจับ การค้น การคุมขัง การปล่อยชั่วคราว และการสอบสวน) ที่คณะทำงานฯ แก้ไขปรับปรุงแล้ว ตามที่ กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
2. ให้กระทรวงยุติธรรม รับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และรับเรื่องการกำหนดให้ศาลมีอำนาจลงโทษจำคุก หรือปรับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มาตามหมายเรียกหรือหมายนัดของศาลโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือหลบหนีไป โดยไม่ต้องมีการฟ้องคดี ไปพิจารณาใหม่ในการปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมหรือขังมีสิทธิในการขอให้แจ้งให้ญาติหรือบุคคลซึ่งตนไว้วางใจทราบ หรือได้รับการจัดหาทนายหรือพบและปรึกษากับผู้ที่จะเป็นทนายหรือได้รับการเยี่ยมตามสมควร
2. การจับ ขัง จำคุก หรือค้นที่รโหฐานต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลในกรณีการจับกุมบุคคลซึ่งได้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือกำลังพยายามกระทำความผิด หรือมีผู้แจ้งให้จับ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจสามารถจับบุคคลดังกล่าวได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาล
3. การออกหมายจับ จะออกได้ต่อเมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลผู้นั้นจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
4. ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับ ต้องแจ้งแก่ผู้ถูกจับด้วยว่า ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับกล่าวนั้น อาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันเขาในการพิจารณาคดีได้
5. ถ้าเจ้าพนักงานหรือราษฎรเป็นผู้จับให้นำตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจโดยทันที และเมื่อถึงที่นั้นแล้วให้แจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบ หากมีหมายจับให้อ่านให้ฟัง ในกรณีการจับโดยมีหมายให้ส่งตัวผู้ถูกจับไปยังศาลซึ่งออกหมายหรือเจ้าพนักงานที่กำหนดไว้ในหมาย
6. ห้ามมิให้ควบคุมผู้ถูกจับไว้เกินกว่าจำเป็นและหากมีความจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนโดยไม่ปล่อยชั่วคราวต้องนำผู้ต้องหาไปศาลภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ผู้ต้องหามาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน เพื่อยื่นคำขอออกหมายขังผู้ต้องหา
7. เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าบุคคลใดถูกคุมขังโดยผิดกฎหมายหรือถูกจำคุกผิดจากคำพิพากษา ให้ผู้ถูกคุมขังเอง พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดี หรือญาติของผู้นั้น เป็นผู้มีอำนาจยื่นต่อศาลเพื่อขอให้ปล่อย
8. เมื่อได้รับคำร้องให้ปล่อยชั่วคราว ให้เจ้าพนักงานหรือศาลรีบสั่งอย่างรวดเร็วแต่จะเรียกประกันหรือหลักประกันเกินควรแก่กรณีไม่ได้
9. เพื่อประโยชน์ในการบังคับคดี ให้ศาลชั้นต้นที่พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีมีอำนาจออกหมายบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาประกันได้เสมือนว่าเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา
10. เมื่อพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีแล้วผู้เสียหายหรือจำเลย สามารถขอตรวจหรือคัดสำเนาคำให้การของตนและเอกสารประกอบคำให้การได้ และในกรณีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถขอทราบสรุปพยานหลักฐานพร้อมความเห็นของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ส.ค.44--
-สส-