ทำเนียบรัฐบาล--30 พ.ค.--นิวส์สแตนด์
การบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ.2522 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ.2522 (กรณีการติดฟิล์มกรองแสง)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับรถยนตร์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนตร์บริการ และรถยนตร์ส่วนบุคคล โดยกำหนดให้ส่วนประกอบของตัวถังรถยนตร์ที่เป็นกระจกกันลมต้องเป็นกระจกที่โปร่งใสสามารถมองเห็นสภาพภายในรถและสภาพการจราจรภายนอกรถได้ชัดเจน และห้ามมิให้นำวัสดุอื่นใดมาติดหรือบังส่วนหนึ่งส่วนใดของกระจกกันลม เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้
1) การติดเครื่องหมายหรือเอกสารที่ไม่เป็นเหตุให้บังทัศนวิสัยในการขับขี่ หรือ
2) การติดฟิล์มกรองแสงซึ่งเมื่อวัดการผ่านของแสงแล้ว แสงต้องผ่านทั้งกระจกกันลมและฟิล์มกรองแสงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 การติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกกันลมด้านหน้า ให้ติดจากขอบกระจกด้านบนลงมาได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของพื้นที่กระจกกันลม
ทั้งนี้ รถยนตร์ที่ได้จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2541 ให้ใช้กฎกระทรวงนี้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2543 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังกำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้กฎกระทรวงฉบับนี้ มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ต่อไป เพื่อให้เกิดระเบียบในการใช้รถใช้ถนนแก่สังคมโดยรวม ดังเช่นที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัย หรือ การห้ามมิให้ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับขี่ เป็นต้น ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม จะเริ่มดำเนินการในเรื่องนี้ ในกรณีรถยนตร์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสภาพของรถยนตร์ ก่อนการเสียภาษีประจำปีต่อไป ในขณะเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกก็พร้อมที่จะให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปในการตรวจสอบระดับของฟิล์มกรองแสงของรถยนตร์ สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น เนื่องจากยังติดขัดในเรื่องของการขาดเครื่องมือในการตรวจสอบระดับของฟิล์มกรองแสงที่ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ ในระยะเบื้องต้นนี้ ทางตำรวจจักได้ว่ากล่าวตักเตือนแก่รถยนตร์ที่เข้าข่าย (เมื่อมองด้วยสายตาเปล่า) ให้รีบดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎกระทรวงฉบับนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 พฤษภาคม 2543--
-สส-
การบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ.2522 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ.2522 (กรณีการติดฟิล์มกรองแสง)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับรถยนตร์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนตร์บริการ และรถยนตร์ส่วนบุคคล โดยกำหนดให้ส่วนประกอบของตัวถังรถยนตร์ที่เป็นกระจกกันลมต้องเป็นกระจกที่โปร่งใสสามารถมองเห็นสภาพภายในรถและสภาพการจราจรภายนอกรถได้ชัดเจน และห้ามมิให้นำวัสดุอื่นใดมาติดหรือบังส่วนหนึ่งส่วนใดของกระจกกันลม เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้
1) การติดเครื่องหมายหรือเอกสารที่ไม่เป็นเหตุให้บังทัศนวิสัยในการขับขี่ หรือ
2) การติดฟิล์มกรองแสงซึ่งเมื่อวัดการผ่านของแสงแล้ว แสงต้องผ่านทั้งกระจกกันลมและฟิล์มกรองแสงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 การติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกกันลมด้านหน้า ให้ติดจากขอบกระจกด้านบนลงมาได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของพื้นที่กระจกกันลม
ทั้งนี้ รถยนตร์ที่ได้จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2541 ให้ใช้กฎกระทรวงนี้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2543 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังกำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้กฎกระทรวงฉบับนี้ มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ต่อไป เพื่อให้เกิดระเบียบในการใช้รถใช้ถนนแก่สังคมโดยรวม ดังเช่นที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัย หรือ การห้ามมิให้ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับขี่ เป็นต้น ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม จะเริ่มดำเนินการในเรื่องนี้ ในกรณีรถยนตร์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสภาพของรถยนตร์ ก่อนการเสียภาษีประจำปีต่อไป ในขณะเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกก็พร้อมที่จะให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปในการตรวจสอบระดับของฟิล์มกรองแสงของรถยนตร์ สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น เนื่องจากยังติดขัดในเรื่องของการขาดเครื่องมือในการตรวจสอบระดับของฟิล์มกรองแสงที่ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ ในระยะเบื้องต้นนี้ ทางตำรวจจักได้ว่ากล่าวตักเตือนแก่รถยนตร์ที่เข้าข่าย (เมื่อมองด้วยสายตาเปล่า) ให้รีบดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎกระทรวงฉบับนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 พฤษภาคม 2543--
-สส-