คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ค้างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุขยืนยันให้ดำเนินการต่อไป และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร เมื่อพ้นวันที่ 4 เมษายน 2544 ต่อไป รวม 4 ฉบับ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติเลื่อยยนต์ พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 17 ตุลาคม 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดนิยามคำว่า "เลื่อยยนต์" ให้หมายความว่า เครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้หรือแปรรูปไม้ที่มีใบเลื่อยลักษณะเป็นโซ่อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล และให้หมายความรวมถึงส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือดังกล่าวด้วย
2) กำหนดให้การมีหรือการนำเข้าซึ่งเลื่อยยนต์ ต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยยนต์ และการขออนุญาตและการอนุญาตดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
3) กำหนดให้ผู้มีหรือใช้เลื่อยยนต์มีใบอนุญาตหรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตไว้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทันที
4) กำหนดให้ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตให้มีเลื่อยยนต์ประสงค์จะนำหรือให้ผู้อื่นนำเลื่อยยนต์ของตนออกไปใช้นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ผู้รับอนุญาตจะต้องขออนุญาตโดยระบุพื้นที่ที่จะนำไปใช้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
5) กำหนดบทสันนิษฐาน ในกรณีที่ตรวจพบเลื่อยยนต์นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 และมาตรา 5 ให้สันนิษฐานว่ามีการใช้หรือมีเลื่อยยนต์ไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ และถ้ามีการนำเลื่อยยนต์ที่ได้รับอนุญาตไปใช้ในการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้รับอนุญาตมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดและมีส่วนร่วมในการกระทำผิดนั้น
6) กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้มีเลื่อยยนต์ตาย ให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แจ้งการตายต่อนายทะเบียนเลื่อยยนต์ตามใบอนุญาตภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ทราบการตายของผู้รับใบอนุญาต
7) ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของค่าปรับตามคำพิพากษา ถ้าผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับไม่ถึงจำนวนที่ต้องจ่ายค่าสินบนนำจับ ให้จ่ายเท่าที่ผู้กระทำผิดชำระ ถ้าผู้นำจับหลายคนให้แบ่งเท่า ๆ กัน การจ่ายจะจ่ายเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
8) ในกรณีที่ผู้มีเลื่อยยนต์อยู่ในวันที่พระราชบัญญัติที่ใช้บังคับถ้านำเลื่อยยนต์มามอบให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือมาขอรับใบอนุญาตภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่มีความผิด และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตให้ เว้นแต่จะขาดคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ส่วนในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ออกใบอนุญาตให้ ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งไม่อนุญาตกรณีที่ผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตให้เลื่อยยนต์ตกเป็นของแผ่นดิน แต่เจ้าของอาจได้รับค่าทดแทนตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนด เลื่อยยนต์ที่ตกเป็นของแผ่นดินให้นำไปใช้ประโยชน์ในราชการ หรือจำหน่ายให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ หรือทำลายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
2. ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 กันยายน 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการบำบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505
2) กำหนดให้สัตวแพทยสภามีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และควบคุมส่งเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ รวมทั้งควบคุมมิให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลที่ไม่มีความรู้ในการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่มารับบริการ รวมทั้งอำนาจหน้าที่อื่นที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ โดยสัตวแพทยสภาอาจมีรายได้จากเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ค่าขึ้นทะเบียนสมาชิก ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ผลประโยชน์จากการจัดการทรัพย์สินและกิจการตามวัตถุประสงค์ เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้ให้แก่สัตวแพทยสภารวมทั้งดอกผลของเงินและทรัพย์สินดังกล่าว
3) กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำรงตำแหน่งสภานายกพิเศษแห่งสัตวแพทยสภา
4) กำหนดให้มีสำนักงานสัตวแพทยสภาเพื่อทำหน้าที่ธุรการต่าง ๆ ให้แก่สัตวแพทยสภาและคณะกรรมการสัตวแพทยสภา รวมทั้งให้มีสำนักงานสาขาได้ตามความจำเป็นตามที่คณะกรรมการสัตวแพทยสภากำหนด
5) กำหนดให้สัตวแพทยสภาประกอบไปด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรในวิชาสัตวแพทย์ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด โดยสมาชิกสัตวแพทยสภามีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ และมีหน้าที่ต้องผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพและปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีสิทธิและหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ และสำหรับการพ้นจากสมาชิกภาพนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด
6) กำหนดให้มีคณะกรรมการสัตวแพทยสภา ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนส่วนราชการ และกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิก และในการดำเนินงาน คณะกรรมการอาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาได้ รวมทั้งเลือกกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกให้ดำรงตำแหน่ง นายกสัตวแพทยสภา อุปนายกสัตวแพทยสภา และตำแหน่งผู้บริหาร ได้แก่ เลขาธิการ รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก และตำแหน่งอื่นตามความจำเป็น โดยคณะกรรมการสัตวแพทยสภานี้มีอำนาจหน้าที่บริหารกิจการต่าง ๆ ของสัตวแพทยสภา และออกข้อบังคับสัตวแพทยสภา รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนนายกสัตวแพทยสภา อุปนายกสัตวแพทยสภา และผู้บริหารมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
7) ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ซึ่งหากผู้ใดประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์หรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตจากสัตวแพทยสภาจะต้องโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
8) กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ต้องรักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสัตวแพทย์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับสัตวแพทยสภา กรณีที่มีการฝ่าฝืน และมีการทำคำกล่าวหาหรือคำกล่าวโทษเป็นหนังสือเสนอต่อสัตวแพทยสภา คณะกรรมการสัตวแพทยสภาต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณขึ้นมาเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้วเสนอให้คณะกรรมการสัตวแพทยสภาพิจารณา และมีมติว่าจะให้คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หรือจะให้คณะอนุกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนในกรณีที่เห็นว่าข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นมีมูล หรือให้ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษในกรณีที่ข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นไม่มีมูล และเมื่อคณะอนุกรรมการการสอบสวนทำการสอบสวนได้ข้อยุติแล้ว คณะกรรมการสัตวแพทยสภาจึงจะพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด โดยทำเป็นคำสั่งสัตวแพทยสภาพร้อมด้วยเหตุผลของการวินิจฉัย และคำสั่งนี้ให้ถือเป็นที่สุด
9) กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของสัตวแพทยสภาและการประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์ และสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสัตวแพทยสภาและการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์
10) ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวและมีอำนาจเข้าไปในสำนักงานของสัตวแพทยสภาหรือสถานที่ของผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบใบอนุญาต เอกสารหรือวัตถุ ค้น หรือยึดเอกสาร ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้และให้ถือว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
3. ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 23 พฤษภาคม 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดให้สวนป่าหมายถึงที่ดินที่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อทำการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ที่เป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และไม้อื่นทั่ว ๆ ไป
2) กำหนดให้ที่ดินที่มีใบอนุญาตให้แผ้วถางป่า ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้เฉพาะเพื่อการทำสวนป่าสามารถขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า แต่พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบที่ดินดังกล่าวก่อนรับขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า
3) ยกเว้นค่าภาคหลวง ค่าบำรุงป่า และค่าธรรมเนียม ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้สำหรับไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่า
4) ให้การเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครองหรือนำเคลื่อนซึ่งบรรดาของป่าเฉพาะถ่านไม้ เปลือกไม้ ยางไม้หน่อไม้ หวาย ครั่ง รวงผึ้ง ขี้ผึ้ง กล้วยไม้ และเห็ด ในสวนป่าสามารถกระทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และได้รับการยกเว้นค่าภาคหลวงและค่าบำรุงป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติแต่ในการค้า มีไว้ครอบครอง หรือนำเคลื่อนที่ ผู้ทำสวนป่าต้องทำหนังสือรับรองและบัญชีแสดงรายการของป่าเหล่านั้นกำกับไปด้วย
5) กำหนดให้โทษผู้ทำสวนป่าที่ทำหนังสือรับรองหรือบัญชีแสดงรายการตามมาตรา 14 ทวิ วรรคสองอันเป็นเท็จ
4. ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของกระทรวงสาธารณสุข (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 มิถุนายน 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดให้ร่างพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2) ยกเลิกบทนิยามคำว่า "ผลิต" และกำหนดใหม่ให้หมายความว่า เพาะ ผสม ปรุง แปรสภาพแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุ
3) กำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐบางแห่ง และสภากาชาดไทย สามารถดำเนินการเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ เพื่องานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม การป้องกัน การบำบัด การศึกษาหรือวิจัย ได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต แต่จะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎกระทรวงกำหนด
4) กำหนดให้ใบอนุญาตการดำเนินการเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์สิ้นอายุพร้อมกันในวันที่31 ธันวาคมของปีที่ออกใบอนุญาต
5) เพิ่มอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปในสถานที่ผลิต สถานที่ครอบครอง สถานที่จำหน่าย หรือสถานที่เก็บเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบหรือควบคุม มีอำนาจในการนำเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ไปเป็นตัวอย่าง เรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมีอำนาจยึดหรืออายัดเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และสั่งให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคำ หรือส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่น
6) ให้อำนาจอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนดวิธีจัดการกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ได้ยึดหรืออายัดไว้
7) กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
8) กำหนดให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้
9) กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติปัจจุบันที่มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตขอต่อใบอนุญาตภายในวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ
10) กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับหน่วยงาน ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องมีใบอนุญาตในการประกอบกิจการเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ แต่ตามร่างพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตโดยให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 10 เม.ย.2544
-สส-
1. ร่างพระราชบัญญัติเลื่อยยนต์ พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 17 ตุลาคม 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดนิยามคำว่า "เลื่อยยนต์" ให้หมายความว่า เครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้หรือแปรรูปไม้ที่มีใบเลื่อยลักษณะเป็นโซ่อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล และให้หมายความรวมถึงส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือดังกล่าวด้วย
2) กำหนดให้การมีหรือการนำเข้าซึ่งเลื่อยยนต์ ต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยยนต์ และการขออนุญาตและการอนุญาตดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
3) กำหนดให้ผู้มีหรือใช้เลื่อยยนต์มีใบอนุญาตหรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตไว้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทันที
4) กำหนดให้ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตให้มีเลื่อยยนต์ประสงค์จะนำหรือให้ผู้อื่นนำเลื่อยยนต์ของตนออกไปใช้นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ผู้รับอนุญาตจะต้องขออนุญาตโดยระบุพื้นที่ที่จะนำไปใช้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
5) กำหนดบทสันนิษฐาน ในกรณีที่ตรวจพบเลื่อยยนต์นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 และมาตรา 5 ให้สันนิษฐานว่ามีการใช้หรือมีเลื่อยยนต์ไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ และถ้ามีการนำเลื่อยยนต์ที่ได้รับอนุญาตไปใช้ในการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้รับอนุญาตมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดและมีส่วนร่วมในการกระทำผิดนั้น
6) กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้มีเลื่อยยนต์ตาย ให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แจ้งการตายต่อนายทะเบียนเลื่อยยนต์ตามใบอนุญาตภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ทราบการตายของผู้รับใบอนุญาต
7) ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของค่าปรับตามคำพิพากษา ถ้าผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับไม่ถึงจำนวนที่ต้องจ่ายค่าสินบนนำจับ ให้จ่ายเท่าที่ผู้กระทำผิดชำระ ถ้าผู้นำจับหลายคนให้แบ่งเท่า ๆ กัน การจ่ายจะจ่ายเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
8) ในกรณีที่ผู้มีเลื่อยยนต์อยู่ในวันที่พระราชบัญญัติที่ใช้บังคับถ้านำเลื่อยยนต์มามอบให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือมาขอรับใบอนุญาตภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่มีความผิด และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตให้ เว้นแต่จะขาดคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ส่วนในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ออกใบอนุญาตให้ ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งไม่อนุญาตกรณีที่ผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตให้เลื่อยยนต์ตกเป็นของแผ่นดิน แต่เจ้าของอาจได้รับค่าทดแทนตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนด เลื่อยยนต์ที่ตกเป็นของแผ่นดินให้นำไปใช้ประโยชน์ในราชการ หรือจำหน่ายให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ หรือทำลายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
2. ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 กันยายน 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการบำบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505
2) กำหนดให้สัตวแพทยสภามีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และควบคุมส่งเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ รวมทั้งควบคุมมิให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลที่ไม่มีความรู้ในการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่มารับบริการ รวมทั้งอำนาจหน้าที่อื่นที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ โดยสัตวแพทยสภาอาจมีรายได้จากเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ค่าขึ้นทะเบียนสมาชิก ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ผลประโยชน์จากการจัดการทรัพย์สินและกิจการตามวัตถุประสงค์ เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้ให้แก่สัตวแพทยสภารวมทั้งดอกผลของเงินและทรัพย์สินดังกล่าว
3) กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำรงตำแหน่งสภานายกพิเศษแห่งสัตวแพทยสภา
4) กำหนดให้มีสำนักงานสัตวแพทยสภาเพื่อทำหน้าที่ธุรการต่าง ๆ ให้แก่สัตวแพทยสภาและคณะกรรมการสัตวแพทยสภา รวมทั้งให้มีสำนักงานสาขาได้ตามความจำเป็นตามที่คณะกรรมการสัตวแพทยสภากำหนด
5) กำหนดให้สัตวแพทยสภาประกอบไปด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรในวิชาสัตวแพทย์ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด โดยสมาชิกสัตวแพทยสภามีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ และมีหน้าที่ต้องผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพและปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีสิทธิและหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ และสำหรับการพ้นจากสมาชิกภาพนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด
6) กำหนดให้มีคณะกรรมการสัตวแพทยสภา ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนส่วนราชการ และกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิก และในการดำเนินงาน คณะกรรมการอาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาได้ รวมทั้งเลือกกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกให้ดำรงตำแหน่ง นายกสัตวแพทยสภา อุปนายกสัตวแพทยสภา และตำแหน่งผู้บริหาร ได้แก่ เลขาธิการ รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก และตำแหน่งอื่นตามความจำเป็น โดยคณะกรรมการสัตวแพทยสภานี้มีอำนาจหน้าที่บริหารกิจการต่าง ๆ ของสัตวแพทยสภา และออกข้อบังคับสัตวแพทยสภา รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนนายกสัตวแพทยสภา อุปนายกสัตวแพทยสภา และผู้บริหารมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
7) ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ซึ่งหากผู้ใดประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์หรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตจากสัตวแพทยสภาจะต้องโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
8) กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ต้องรักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสัตวแพทย์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับสัตวแพทยสภา กรณีที่มีการฝ่าฝืน และมีการทำคำกล่าวหาหรือคำกล่าวโทษเป็นหนังสือเสนอต่อสัตวแพทยสภา คณะกรรมการสัตวแพทยสภาต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณขึ้นมาเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้วเสนอให้คณะกรรมการสัตวแพทยสภาพิจารณา และมีมติว่าจะให้คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หรือจะให้คณะอนุกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนในกรณีที่เห็นว่าข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นมีมูล หรือให้ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษในกรณีที่ข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นไม่มีมูล และเมื่อคณะอนุกรรมการการสอบสวนทำการสอบสวนได้ข้อยุติแล้ว คณะกรรมการสัตวแพทยสภาจึงจะพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด โดยทำเป็นคำสั่งสัตวแพทยสภาพร้อมด้วยเหตุผลของการวินิจฉัย และคำสั่งนี้ให้ถือเป็นที่สุด
9) กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของสัตวแพทยสภาและการประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์ และสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสัตวแพทยสภาและการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์
10) ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวและมีอำนาจเข้าไปในสำนักงานของสัตวแพทยสภาหรือสถานที่ของผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบใบอนุญาต เอกสารหรือวัตถุ ค้น หรือยึดเอกสาร ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้และให้ถือว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
3. ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 23 พฤษภาคม 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดให้สวนป่าหมายถึงที่ดินที่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อทำการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ที่เป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และไม้อื่นทั่ว ๆ ไป
2) กำหนดให้ที่ดินที่มีใบอนุญาตให้แผ้วถางป่า ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้เฉพาะเพื่อการทำสวนป่าสามารถขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า แต่พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบที่ดินดังกล่าวก่อนรับขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า
3) ยกเว้นค่าภาคหลวง ค่าบำรุงป่า และค่าธรรมเนียม ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้สำหรับไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่า
4) ให้การเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครองหรือนำเคลื่อนซึ่งบรรดาของป่าเฉพาะถ่านไม้ เปลือกไม้ ยางไม้หน่อไม้ หวาย ครั่ง รวงผึ้ง ขี้ผึ้ง กล้วยไม้ และเห็ด ในสวนป่าสามารถกระทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และได้รับการยกเว้นค่าภาคหลวงและค่าบำรุงป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติแต่ในการค้า มีไว้ครอบครอง หรือนำเคลื่อนที่ ผู้ทำสวนป่าต้องทำหนังสือรับรองและบัญชีแสดงรายการของป่าเหล่านั้นกำกับไปด้วย
5) กำหนดให้โทษผู้ทำสวนป่าที่ทำหนังสือรับรองหรือบัญชีแสดงรายการตามมาตรา 14 ทวิ วรรคสองอันเป็นเท็จ
4. ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของกระทรวงสาธารณสุข (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 มิถุนายน 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดให้ร่างพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2) ยกเลิกบทนิยามคำว่า "ผลิต" และกำหนดใหม่ให้หมายความว่า เพาะ ผสม ปรุง แปรสภาพแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุ
3) กำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐบางแห่ง และสภากาชาดไทย สามารถดำเนินการเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ เพื่องานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม การป้องกัน การบำบัด การศึกษาหรือวิจัย ได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต แต่จะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎกระทรวงกำหนด
4) กำหนดให้ใบอนุญาตการดำเนินการเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์สิ้นอายุพร้อมกันในวันที่31 ธันวาคมของปีที่ออกใบอนุญาต
5) เพิ่มอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปในสถานที่ผลิต สถานที่ครอบครอง สถานที่จำหน่าย หรือสถานที่เก็บเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบหรือควบคุม มีอำนาจในการนำเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ไปเป็นตัวอย่าง เรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมีอำนาจยึดหรืออายัดเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และสั่งให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคำ หรือส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่น
6) ให้อำนาจอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนดวิธีจัดการกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ได้ยึดหรืออายัดไว้
7) กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
8) กำหนดให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้
9) กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติปัจจุบันที่มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตขอต่อใบอนุญาตภายในวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ
10) กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับหน่วยงาน ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องมีใบอนุญาตในการประกอบกิจการเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ แต่ตามร่างพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตโดยให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 10 เม.ย.2544
-สส-