เรื่อง ขอความเห็นชอบการดำเนินงานโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2559/60
1. โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้นให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2559/60
2. ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามภาระที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบวงเงิน 3,931 ล้านบาท
ในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2559/60 มีสาระสำคัญได้ดังนี้
หัวข้อ/รายละเอียด
1.วัตถุประสงค์ / เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินและลดต้นทุนในการประกอบอาชีพของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ให้สามารถนำเงินที่ได้รับการพักชำระหนี้และลดดอกเบี้ยไปปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของตนเองให้ดีขึ้น รวมทั้งมีเงินเหลือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในครัวเรือน สามารถพึ่งพาตนเองและฟื้นฟูการประกอบอาชีพในช่วงที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยได้
2.เป้าหมาย / เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีหนี้เงินกู้เดิมกับ ธ.ก.ส. ซึ่งพื้นที่การเกษตรของตนเองได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ส่งผลให้ไม่สามารถทำการผลิตหรือผลผลิตได้รับความเสียหาย ทำให้มีรายได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 จากรายได้ปกติ จำนวนประมาณ 212,850 ราย
3. วิธีดำเนินการ
1. ขยายระยะเวลาชำระคืนต้นเงินกู้ที่เกษตรกรมีอยู่กับ ธ.ก.ส. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ออกไปเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี นับจากงวดชำระเดิม ไม่จำกัดวงเงินขั้นสูง โดยเกษตรกรยังต้องส่งชำระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2560 ตามกำหนดชำระเดิม
2. การลดอัตราดอกเบี้ย แยกเป็น 2 กรณี ดังนี้
2.1 กรณีเกษตรกรที่ไม่เป็นหนี้ NPLs ธ.ก.ส. งดคิดดอกเบี้ยจากเกษตรกรระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560- 31 ธันวาคม 2561 ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย ธ.ก.ส. อัตราร้อยละ 5 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรอัตราร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี (จำนวนเกษตรกรประมาณ 212,850 ราย วงเงินพักชำระหนี้ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณดอกเบี้ย ประมาณ 39,310 ล้านบาท)
2.2 กรณีเกษตรกรที่เป็นหนี้ NPLs ธ.ก.ส. งดคิดดอกเบี้ยจากเกษตรกรเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 – 31 ธันวาคม 2561 ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท โดย ธ.ก.ส. รับภาระดอกเบี้ยทั้งหมดแทนเกษตรกร (จำนวนเกษตรกรประมาณ 9,150 ราย ต้นเงินกู้ NPLs ส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย ประมาณ 1,690 ล้านบาท)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560--