แท็ก
เคมี
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์อุบัติภัยเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถพ่วง 18 ล้อ ของบริษัท ศรีไทย จำกัด บรรทุกสารเคมีชนิดเหลวไวไฟ มีพิษได้พลิกตะแคงและมีสารเคมีไหลออกมาจากฝาถัง เหตุเกิดบนทางด่วนขั้นที่ 2 ขาออกเมือง ระยะทางประมาณ 500 เมตร จากด่านเก็บเงินยมราชมุ่งไปทางแยกต่างระดับพญาไท นั้น
ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ควรจะมีการประชุมร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) และคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.)ในการกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้รถบรรทุกสารเคมีอันตรายต้องผ่านเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม เห็นว่ากฎหมายและมาตรการต่าง ๆ ในบ้านเรามีมากอยู่แล้ว แต่ขาดการบังคับใช้ที่จริงจังจะต้องมีการจัดระบบใหม่ นั้น
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 13 หน่วยงานที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรดำเนินการเกี่ยวกับการขนส่งวัตถุอันตรายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ดังนี้
1. ระยะสั้น
1.1 มอบให้สมาคมธุรกิจเคมีประสานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1) กวดขันพนักงานขับรถบรรทุกวัตถุอันตราย โดยให้มีความพร้อมในการขับขี่ เช่น การพักผ่อนให้พอเพียงก่อนขับรถ ฯลฯ
2) ตรวจสอบการบรรจุภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานในทุก ๆ ขั้นตอน
1.2 มอบให้กรมการขนส่งทางบก และกรมโยธาธิการดำเนินการ ดังนี้
1) กวดขันและสุ่มตรวจรถบรรทุกวัตถุอันตราย เช่น มาตรฐาน หรือสภาพของรถบรรทุกวัตถุอันตราย
2) จัดการอบรมให้ความรู้ด้านบุคลากร เช่น เจ้าหน้าที่ของรัฐในการอำนวยการเมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งวัตถุอันตราย และพนักงานขับรถบรรทุก ฯลฯ
1.3 มอบให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และเจ้าพนักงานจราจรกวดขันรถบรรทุกสารเคมีที่จะผ่านทางด่วนให้มีการปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
2. ระยะกลางและระยะยาว
2.1 มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอคณะอนุกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์และข้อกำหนดเกี่ยวกับขนส่งวัตถุอันตรายดำเนินการเร่งรัดการออกระเบียบมาตรฐานในการบรรจุภัณฑ์ การขนส่งและอื่น ๆ โดยเร็ว โดยรับข้อคิดเห็นของ สจร. รวม 8 ข้อ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้
1) ควรกำหนดเส้นทาง ช่วงเวลา และยานพาหนะในการขนส่งตามประเภทของสินค้าอันตรายที่ขนส่ง
2) ควรกำหนดประเภทใบอนุญาตผู้ควบคุมผู้ขับรถในการขนส่งสินค้าอันตราย
3) ควรกำหนดมาตรฐานและประเภทของรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งสินค้าอันตรายให้เหมาะสมกับสินค้าอันตรายแต่ละชนิด
4) ควรกำหนดวิธีการเคลื่อนย้ายสินค้าอันตรายแต่ละประเภทให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยเฉพาะการขนส่งทางถนนที่จะไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การป้องกันการตกหล่น การป้องกันการกระจายหากรถพลิกคว่ำ ฯลฯ
5) ควรตรวจสอบคุณสมบัติของสินค้าอันตรายชนิดต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานก่อนบรรจุในบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภท เช่น ปริมาณสินค้าอันตราย ความดัน ฯลฯ
6) การกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์หลังจากการใช้งานได้ระยะหนึ่ง
7) การกำหนดเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ขั้นตอนในการขนส่งสินค้าอันตรายของผู้ประกอบการรายย่อยไปยังแหล่งประกอบการต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย
8) การตรากฎหมายลงโทษรุนแรงแก่ผู้ขนส่งสินค้าอันตรายที่ประมาทหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการขนส่ง ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
2.2 มอบให้คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) ทบทวนโครงสร้างการบริหารสั่งการกรณีเมื่อเกิดอุบัติภัยขึ้น โดยให้ผู้มีอำนาจสามารถสั่งการและอำนวยการเพื่อการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วทันความจำเป็น
2.3 มอบให้สมาคมธุรกิจเคมีหารือสมาชิกดำเนินการจัดทำเอกสารกำกับวัตถุในการบรรจุภัณฑ์ การขนถ่าย หรือการเก็บวัตถุอันตรายให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนดโดยเคร่งครัด
2.4 มอบให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำฐานข้อมูลวัตถุอันตรายต่าง ๆ การประชาสัมพันธ์ การจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาผลกระทบของวัตถุมีพิษ และให้ความรู้ รวมทั้งเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับวัตถุอันตราย
2.5 มอบกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่จะทำการขนส่งแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถควบคุมและเตรียมการรองรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้เสนอให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522ตามลำดับ เร่งรัดหน่วยงานดำเนินการบังคับใช้ โดยอาศัยกฎหมายดังกล่าวให้บังเกิดผลทางปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการบรรจุภัณฑ์และการขนส่ง
2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการขนส่งวัตถุอันตรายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยติดตามผลและกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 ต.ค. 44--
-สส-
ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ควรจะมีการประชุมร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) และคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.)ในการกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้รถบรรทุกสารเคมีอันตรายต้องผ่านเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม เห็นว่ากฎหมายและมาตรการต่าง ๆ ในบ้านเรามีมากอยู่แล้ว แต่ขาดการบังคับใช้ที่จริงจังจะต้องมีการจัดระบบใหม่ นั้น
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 13 หน่วยงานที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรดำเนินการเกี่ยวกับการขนส่งวัตถุอันตรายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ดังนี้
1. ระยะสั้น
1.1 มอบให้สมาคมธุรกิจเคมีประสานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1) กวดขันพนักงานขับรถบรรทุกวัตถุอันตราย โดยให้มีความพร้อมในการขับขี่ เช่น การพักผ่อนให้พอเพียงก่อนขับรถ ฯลฯ
2) ตรวจสอบการบรรจุภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานในทุก ๆ ขั้นตอน
1.2 มอบให้กรมการขนส่งทางบก และกรมโยธาธิการดำเนินการ ดังนี้
1) กวดขันและสุ่มตรวจรถบรรทุกวัตถุอันตราย เช่น มาตรฐาน หรือสภาพของรถบรรทุกวัตถุอันตราย
2) จัดการอบรมให้ความรู้ด้านบุคลากร เช่น เจ้าหน้าที่ของรัฐในการอำนวยการเมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งวัตถุอันตราย และพนักงานขับรถบรรทุก ฯลฯ
1.3 มอบให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และเจ้าพนักงานจราจรกวดขันรถบรรทุกสารเคมีที่จะผ่านทางด่วนให้มีการปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
2. ระยะกลางและระยะยาว
2.1 มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอคณะอนุกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์และข้อกำหนดเกี่ยวกับขนส่งวัตถุอันตรายดำเนินการเร่งรัดการออกระเบียบมาตรฐานในการบรรจุภัณฑ์ การขนส่งและอื่น ๆ โดยเร็ว โดยรับข้อคิดเห็นของ สจร. รวม 8 ข้อ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้
1) ควรกำหนดเส้นทาง ช่วงเวลา และยานพาหนะในการขนส่งตามประเภทของสินค้าอันตรายที่ขนส่ง
2) ควรกำหนดประเภทใบอนุญาตผู้ควบคุมผู้ขับรถในการขนส่งสินค้าอันตราย
3) ควรกำหนดมาตรฐานและประเภทของรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งสินค้าอันตรายให้เหมาะสมกับสินค้าอันตรายแต่ละชนิด
4) ควรกำหนดวิธีการเคลื่อนย้ายสินค้าอันตรายแต่ละประเภทให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยเฉพาะการขนส่งทางถนนที่จะไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การป้องกันการตกหล่น การป้องกันการกระจายหากรถพลิกคว่ำ ฯลฯ
5) ควรตรวจสอบคุณสมบัติของสินค้าอันตรายชนิดต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานก่อนบรรจุในบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภท เช่น ปริมาณสินค้าอันตราย ความดัน ฯลฯ
6) การกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์หลังจากการใช้งานได้ระยะหนึ่ง
7) การกำหนดเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ขั้นตอนในการขนส่งสินค้าอันตรายของผู้ประกอบการรายย่อยไปยังแหล่งประกอบการต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย
8) การตรากฎหมายลงโทษรุนแรงแก่ผู้ขนส่งสินค้าอันตรายที่ประมาทหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการขนส่ง ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
2.2 มอบให้คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) ทบทวนโครงสร้างการบริหารสั่งการกรณีเมื่อเกิดอุบัติภัยขึ้น โดยให้ผู้มีอำนาจสามารถสั่งการและอำนวยการเพื่อการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วทันความจำเป็น
2.3 มอบให้สมาคมธุรกิจเคมีหารือสมาชิกดำเนินการจัดทำเอกสารกำกับวัตถุในการบรรจุภัณฑ์ การขนถ่าย หรือการเก็บวัตถุอันตรายให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนดโดยเคร่งครัด
2.4 มอบให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำฐานข้อมูลวัตถุอันตรายต่าง ๆ การประชาสัมพันธ์ การจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาผลกระทบของวัตถุมีพิษ และให้ความรู้ รวมทั้งเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับวัตถุอันตราย
2.5 มอบกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่จะทำการขนส่งแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถควบคุมและเตรียมการรองรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้เสนอให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522ตามลำดับ เร่งรัดหน่วยงานดำเนินการบังคับใช้ โดยอาศัยกฎหมายดังกล่าวให้บังเกิดผลทางปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการบรรจุภัณฑ์และการขนส่ง
2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการขนส่งวัตถุอันตรายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยติดตามผลและกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 ต.ค. 44--
-สส-