ทำเนียบรัฐบาล--3 ต.ค.--นิวส์สแตนด์
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ขออนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 584,384,700 บาท ในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยอันเนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำ และอิทธิพลจากพายุ "เกมี" โดยดำเนินการช่วยเหลือตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2543 ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า กรณีที่เป็นการช่วยเหลือในระยะวิกฤตก็เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้เงินทดรองราชการก่อน และหากจำเป็นจะต้องช่วยเหลือในระยะหลังวิกฤตโดยการแจกปัจจัยการผลิต อาทิ พันธุ์ข้าวและปุ๋ย ก็ให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ในโอกาสแรก ซึ่งมีเหลือจ่ายประมาณ 200 ล้านบาทเศษ รวมทั้งขอให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 มาใช้จ่ายในการนี้ด้วย และหากยังไม่เพียงพออีกก็ให้ขอรับการจัดสรรเพิ่มเติมตามความจำเป็น โดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ตามที่ได้เกิดพายุดีเปรสชั่นเกมี ทำให้เกษตรกรในจังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ตราด สุราษฎร์ธานี ตรัง และพังงา ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด และประมงจังหวัด ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยใช้เงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเป็นการเร่งด่วนแล้ว ส่วนการชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกรที่ประสบภาวะน้ำท่วม เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ทันตามฤดูกาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอให้จัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในวงเงิน 584,384,700 บาท เพื่อใช้จ่ายตามรายการตามรายละเอียดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 3 ตุลาคม 2543--
-สส-
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ขออนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 584,384,700 บาท ในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยอันเนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำ และอิทธิพลจากพายุ "เกมี" โดยดำเนินการช่วยเหลือตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2543 ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า กรณีที่เป็นการช่วยเหลือในระยะวิกฤตก็เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้เงินทดรองราชการก่อน และหากจำเป็นจะต้องช่วยเหลือในระยะหลังวิกฤตโดยการแจกปัจจัยการผลิต อาทิ พันธุ์ข้าวและปุ๋ย ก็ให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ในโอกาสแรก ซึ่งมีเหลือจ่ายประมาณ 200 ล้านบาทเศษ รวมทั้งขอให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 มาใช้จ่ายในการนี้ด้วย และหากยังไม่เพียงพออีกก็ให้ขอรับการจัดสรรเพิ่มเติมตามความจำเป็น โดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ตามที่ได้เกิดพายุดีเปรสชั่นเกมี ทำให้เกษตรกรในจังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ตราด สุราษฎร์ธานี ตรัง และพังงา ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด และประมงจังหวัด ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยใช้เงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเป็นการเร่งด่วนแล้ว ส่วนการชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกรที่ประสบภาวะน้ำท่วม เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ทันตามฤดูกาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอให้จัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในวงเงิน 584,384,700 บาท เพื่อใช้จ่ายตามรายการตามรายละเอียดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 3 ตุลาคม 2543--
-สส-