ทำเนียบรัฐบาล--26 ธ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) รองประธานกรรมการปฏิรูประบบราชการ เสนอ การใช้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 ของเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนและพนักงานมหาวิทยาลัย โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ข้าราชการซึ่งอยู่ในส่วนราชการที่เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชน และสมัครใจไปเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนและข้าราชการมหาวิทยาลัยซึ่งสมัครใจไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นลูกหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไม่ต้องชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่างและให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเดิม โดยยกเว้นมาตรา 11 และมาตรา 12 ของพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยอาศัยมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฏีกาดังกล่าวเช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด โดยให้ใช้หลักเกณฑ์นี้ตั้งแต่วันที่ข้าราชการดังกล่าวเปลี่ยนสถานภาพเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนหรือพนักงานมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 บัญญัติให้การจัดตั้งองค์การมหาชนกระทำได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานที่จัดตั้งเป็นองค์การมหาชนโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วรวม 8 หน่วยงาน คือ สำนักงานปฏิรูปการศึกษา สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และบทบัญญัติมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 มีผลทำให้ข้าราชการซึ่งอยู่ในส่วนราชการที่เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชน และสมัครใจไปเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนพ้นจากความเป็นข้าราชการ และตามเงื่อนไขการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเซียในกรอบโครงการพัฒนาสังคม กำหนดเป็นนโยบายว่ามหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งต้องเปลี่ยนสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล ภายในปี 2545 ซึ่งจะทำให้ข้าราชการมหาวิทยาลัยเปลี่ยนสภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งข้าราชการดังกล่าวถ้าเป็นผู้กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการและลูกจ้างประจำของรัฐจะต้องชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่างและเสียดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกตินับแต่วันพ้นจากการเป็นข้าราชการ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 11 และ 12 แห่งพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535
ดังนั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ข้าราชการซึ่งอยู่ในหน่วยงานที่เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชนสมัครใจออกจากราชการไปเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชน และข้าราชการมหาวิทยาลัยสมัครใจไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย จึงเห็นควรให้สิทธิประโยชน์แก่ข้าราชการดังกล่าวไม่ต้องชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่าง และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเดิมได้เช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด และดำเนินการโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีกำหนดเรื่องชดเชยดอกเบี้ยส่วนต่างและการชำระดอกเบี้ยอย่างอื่นได้โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 ธ.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) รองประธานกรรมการปฏิรูประบบราชการ เสนอ การใช้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 ของเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนและพนักงานมหาวิทยาลัย โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ข้าราชการซึ่งอยู่ในส่วนราชการที่เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชน และสมัครใจไปเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนและข้าราชการมหาวิทยาลัยซึ่งสมัครใจไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นลูกหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไม่ต้องชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่างและให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเดิม โดยยกเว้นมาตรา 11 และมาตรา 12 ของพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยอาศัยมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฏีกาดังกล่าวเช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด โดยให้ใช้หลักเกณฑ์นี้ตั้งแต่วันที่ข้าราชการดังกล่าวเปลี่ยนสถานภาพเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนหรือพนักงานมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 บัญญัติให้การจัดตั้งองค์การมหาชนกระทำได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานที่จัดตั้งเป็นองค์การมหาชนโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วรวม 8 หน่วยงาน คือ สำนักงานปฏิรูปการศึกษา สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และบทบัญญัติมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 มีผลทำให้ข้าราชการซึ่งอยู่ในส่วนราชการที่เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชน และสมัครใจไปเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนพ้นจากความเป็นข้าราชการ และตามเงื่อนไขการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเซียในกรอบโครงการพัฒนาสังคม กำหนดเป็นนโยบายว่ามหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งต้องเปลี่ยนสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล ภายในปี 2545 ซึ่งจะทำให้ข้าราชการมหาวิทยาลัยเปลี่ยนสภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งข้าราชการดังกล่าวถ้าเป็นผู้กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการและลูกจ้างประจำของรัฐจะต้องชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่างและเสียดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกตินับแต่วันพ้นจากการเป็นข้าราชการ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 11 และ 12 แห่งพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535
ดังนั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ข้าราชการซึ่งอยู่ในหน่วยงานที่เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชนสมัครใจออกจากราชการไปเป็นเจ้าหน้าที่องค์การมหาชน และข้าราชการมหาวิทยาลัยสมัครใจไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย จึงเห็นควรให้สิทธิประโยชน์แก่ข้าราชการดังกล่าวไม่ต้องชดใช้ดอกเบี้ยส่วนต่าง และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเดิมได้เช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด และดำเนินการโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีกำหนดเรื่องชดเชยดอกเบี้ยส่วนต่างและการชำระดอกเบี้ยอย่างอื่นได้โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 ธ.ค. 2543--
-สส-