ทำเนียบรัฐบาล--17 ต.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ผลการดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้กรมการศาสนา ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคมดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยยึดหลักพระธรรมวินัย กฎหมาย และกฎมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ บัดนี้ การดำเนินการเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายได้ดำเนินการเข้าสู่ขบวนการของกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคมแล้ว กล่าวคือในกรณีการดำเนินการตามกฎนิคหกรรม คณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้ไต่สวนมูลฟ้องคำกล่าวหาของนายมาณพ พลไพรินทร์ ที่กล่าวหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ว่ายักยอกทรัพย์ และกล่าวหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์และพระภาวนาวิริยคุณ ว่าบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา ส่วนนายสมพร เทพสิทธา ได้กล่าวหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่าบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา อวดอุตตริมนุสสธรรม ลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชน โดยคณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า กรณีการกล่าวหาของทั้งสองท่านมีมูล แต่ให้ผู้กล่าวหาทั้งสองแยกเรื่องการละเมิดพระธรรมวินัย และการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการออกจากกัน ซึ่งผู้กล่าวหาทั้งสองได้ดำเนินการแล้ว
2. กรณีการดำเนินการทางกฎหมาย พนักงานอัยการได้ฟ้องพระภาวนาวิสุทธิ์กับพวกเป็นคดีอาญา รวม 2 คดี ในข้อหาเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และวัดพระธรรมกายได้ฟ้องเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของรัฐ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้พิจารณาและคณะผู้พิจารณาชั้นต้น เป็นคดีอาญา รวม 2 คดี ในข้อหาหมิ่นประมาท และเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนคดีแพ่งได้ฟ้องรวม3 คดี ในข้อหาละเมิด ขณะนี้คดีทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 ต.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ผลการดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้กรมการศาสนา ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคมดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยยึดหลักพระธรรมวินัย กฎหมาย และกฎมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ บัดนี้ การดำเนินการเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายได้ดำเนินการเข้าสู่ขบวนการของกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคมแล้ว กล่าวคือในกรณีการดำเนินการตามกฎนิคหกรรม คณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้ไต่สวนมูลฟ้องคำกล่าวหาของนายมาณพ พลไพรินทร์ ที่กล่าวหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ว่ายักยอกทรัพย์ และกล่าวหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์และพระภาวนาวิริยคุณ ว่าบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา ส่วนนายสมพร เทพสิทธา ได้กล่าวหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่าบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา อวดอุตตริมนุสสธรรม ลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชน โดยคณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า กรณีการกล่าวหาของทั้งสองท่านมีมูล แต่ให้ผู้กล่าวหาทั้งสองแยกเรื่องการละเมิดพระธรรมวินัย และการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการออกจากกัน ซึ่งผู้กล่าวหาทั้งสองได้ดำเนินการแล้ว
2. กรณีการดำเนินการทางกฎหมาย พนักงานอัยการได้ฟ้องพระภาวนาวิสุทธิ์กับพวกเป็นคดีอาญา รวม 2 คดี ในข้อหาเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และวัดพระธรรมกายได้ฟ้องเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของรัฐ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้พิจารณาและคณะผู้พิจารณาชั้นต้น เป็นคดีอาญา รวม 2 คดี ในข้อหาหมิ่นประมาท และเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนคดีแพ่งได้ฟ้องรวม3 คดี ในข้อหาละเมิด ขณะนี้คดีทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 ต.ค. 2543--
-สส-