เรื่อง ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
1. เห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่า การกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
3. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงดังกล่าวในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ พน. นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
พน. รายงานว่า การพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติกับสาธารณรัฐประชาชนจีนจะก่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานในด้านองค์ความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์การใช้พลังงานนิวเคลียร์สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นโอกาสอันดีที่ทรัพยากรบุคคลจากประเทศไทยจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีและมีประสบการณ์จริงในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากประเทศไทยมีความจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ประเภทและเทคโนโลยีภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ จึงจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติสากล รวมทั้งแนวปฏิบัติของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ซึ่งทั้งสองประเทศต่างเป็นสมาชิก ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงร่วมกันจัดทำร่างความ ตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (Agreement Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’s Republic of China for Cooperation in the Peaceful Uses of Nuclear Energy) ขึ้น เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และเพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้ความร่วมมือข้างต้นมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศอย่างเป็นทางการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2560--