คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการต่อทีท่าไทยและกรอบการเจรจาสำหรับการเจรจาตราสารห้ามอาวุธนิวเคลียร์ โดยหากจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขท่าทีไทยและกรอบเจรจาดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาตามสถานการณ์ที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงบรรยากาศและพัฒนาการในการประชุม โดยไม่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลและผลประโยชน์ของไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและ กต. เป็นผู้พิจารณาจนสิ้นสุดกระบวนการเจรจาตราสารห้ามอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ
สาระสำคัญของตราสารห้ามอาวุธนิวเคลียร์และท่าทีไทยและแนวทางในการเจรจา ประกอบด้วย
1. เนื้อหาสาระ จะครอบคลุมประเด็นสำคัญเช่นเดียวกันกับอนุสัญญาด้านการลดอาวุธส่วนใหญ่ เช่นอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี และอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ไทยเป็นรัฐภาคีทั้ง 3 ฉบับ) ซึ่งจะเน้นการห้ามใช้ ผลิต จัดหา พัฒนา และครอบครองอาวุธและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อการสงคราม หรือในทางมุ่งร้ายเท่านั้น โดยไม่ปิดกั้นแต่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในทางสันติและให้มีหลักประกันว่า รัฐภาคีจะไม่นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปใช้ในทางที่ขัดต่ออนุสัญญา
2. ท่าทีไทยและแนวทางในการเจรจา จะครอบคลุมสาระสำคัญในประเด็นตามข้อ 1 โดยอิงกับพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญา NPT สนธิสัญญากรุงเทพฯ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่ไทยเป็นภาคี รวมทั้งขีดความสามารถ บริบทและผลประโยชน์ของไทย บนพื้นฐานของบรรทัดฐานระหว่างประเทศและหลักการสากล ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ขจัดภัยคุกคามจากอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ปิดกั้นช่องทางมิให้ผู้ไม่ประสงค์ดีและกลุ่มก่อการร้ายนำไปก่อเหตุในทางมิชอบ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ รวมทั้งไม่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2560--