แท็ก
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยฉับพลันในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่สำนักงานคณะกรรมการประสานการพัฒนาพื้นที่เฉพาะและเมือง (สพม.) เสนอ และใช้งบกลางปี 2545 จำนวน 45.9 ล้านบาท ในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ โดยงบประมาณสำหรับโครงการอพยพราษฎรก่อนเกิดภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จะมีการเบิกจ่ายเฉพาะกรณีที่เกิดเหตุการณ์เท่านั้น และให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อไปด้วย
สำหรับรายละเอียดของแผนปฏิบัติการดังกล่าว มีดังนี้
1. แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยฉับพลันในพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศ
1.1 การกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยเบื้องต้น คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้ความเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยที่จัดเตรียมขึ้น จากการประสานข้อมูลการศึกษาพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีอยู่ในปัจจุบันของหน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมการปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการป้องกันภัยพลเรือนกรมการปกครอง นำไปปรึกษาหารือและตรวจสอบกับท้องถิ่นในพื้นที่จริงอีกครั้งหนึ่ง จนได้ข้อยุติในการกำหนดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยฉับพลันเบื้องต้น ดังนี้ ภาคเหนือ มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 9 จังหวัด 44 อำเภอ 129 ตำบล 407 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 8 จังหวัด 25 อำเภอ 89 ตำบล 300 หมู่บ้าน 6 ชุมชน ภาคกลาง มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 7 จังหวัด 31 อำเภอ 79 ตำบล 278 หมู่บ้าน ภาคใต้ มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 10 จังหวัด 46 อำเภอ 142 ตำบล422 หมู่บ้าน 3 ชุมชน รวมจำนวน 34 จังหวัด 146 อำเภอ 439 ตำบล 1,407 หมู่บ้าน 9 ชุมชน
1.2 การประสานระบบสื่อสารเพื่อเตือนภัยของหน่วยงานที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย
1) โดยที่ระบบสื่อสารโทรคมนาคมของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นระบบที่แตกต่างกันยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ กล่าวคือ
(1) กรมการปกครอง มีศูนย์สื่อสารระบบ VHF และ UHF โดยใช้คลื่น 155 - 160 MHz จำนวน 800 อำเภอทั่วประเทศ
(2) กรมป่าไม้ มีศูนย์สื่อสาร 170 สถานี โดยให้บริการระบบ Single Side Band ในพื้นที่ป่าเขาและระบบ FM 22 ศูนย์ในพื้นที่ชุมชนเมือง
(3) กรมชลประทาน มีศูนย์สื่อสารโดยให้บริการระบบ Single Side Band จำนวน 130 สถานี
(4) กรมอุตุนิยมวิทยา มีศูนย์สื่อสารโดยให้บริการระบบ Single Side Band เครือข่าย Meteonet จำนวน 50 สถานี และจะเชื่อมโยงเข้ากับ Trunked Radio อีก 10 สถานี
2) แนวทางการดำเนินการ คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบแผนงาน/โครงการประสานเชื่อมโยงระบบสื่อสารเพื่อการเตือนภัยในแต่ละพื้นที่ โดยให้ใช้ระบบ Trunked Radio ของกรมการปกครอง เป็นเครือข่ายหลัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสารและให้มีการบริหารความถี่ร่วมกัน โดยการแปลงสัญญาณจากระบบ VHF เป็นระบบ UHF และการเพิ่มบริการในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโดยใช้ระบบ Repeater ให้สามารถครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 34 จังหวัด
1.3 การประสานแนวทางปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยฉับพลัน ในระดับพื้นที่ระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม 2544 เห็นควรใช้กลไกบริหารจัดการตามพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522เป็นหลัก และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรธรณี ให้การสนับสนุนทั้งด้านเทคนิคและกำลังคน ดังนี้
1) ก่อนเกิดอุทกภัย
(1) การติดตั้งอุปกรณ์และเตรียมระบบเตือนภัย มอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการปกครอง กรมชลประทาน และกรมป่าไม้ ฯลฯ ในการจัดการเครื่องวัดน้ำฝนและดำเนินการติดตั้ง ในพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและจัดเตรียมบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยาและการแจ้งเตือนภัยให้อยู่เวรยามทำหน้าที่ตรวจวัดและแจ้งข้อมูลอากาศ
(2) การจัดฝึกอบรมความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยาเบื้องต้น เห็นควรมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานหลักในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งข้อมูลแจ้งเตือนภัยที่ถูกต้องสู่ประชาชนและชุมชนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
(3) กลไกการประสานการปฏิบัติงานระดับพื้นที่ เห็นควรให้จัดตั้ง
- หน่วยวัดและแจ้งข้อมูลระดับจังหวัดและภาค ดำเนินการติดตามสถานการณ์ แจ้งข้อมูลเตือนภัยแก่หน่วยงานราชการระดับพื้นที่ เช่น กอ.ปพร. จังหวัด กอ.ปพร. ภาค สำนักเลขาธิการ ปพร. และหน่วยงานระดับนโยบาย โดยมีกองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด กรมการปกครอง เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและอำนวยการทำแผนปฏิบัติและประสานขั้นตอนการปฏิบัติการป้องกันแก้ไขอุทกภัยให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงของอุทกภัยในระดับต่าง ๆ
- หน่วยวัดและแจ้งข้อมูลระดับท้องถิ่น โดยจัดตั้งเป็นคณะทำงานด้านเทคนิคในแต่ละพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์แจ้งข้อมูลเตือนภัยตลอดระยะเวลาช่วงวิกฤตในฤดูฝน ประกอบด้วย นายอำเภอ และผู้แทนจากหน่วยราชการที่มีฐานปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรธรณี ฯลฯ โดยมี กอ.ปพร. อำเภอ เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและอำนวยการในระดับอำเภอ ในการประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งประสานงานมายัง กอ.ปพร. จังหวัด หากคาดว่าอุทกภัยที่จะเกิดมีขนาดกว้างขวางรุนแรงเกินกว่าที่หน่วยจะเข้าระงับหรือช่วยเหลือประชาชนได้
2) ขณะเกิดและหลังเกิดอุทกภัย
(1) กรณีสถานการณ์ควบคุมได้ กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ เป็นศูนย์อำนวยการ ประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการจัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และพื้นที่ปลอดภัยรองรับการอพยพ เพื่อป้องกัน อพยพกู้ภัย และลดโอกาสการเกิดภัยให้มากที่สุด และสามารถฟื้นฟูบูรณะได้รวดเร็วและมีประสิทธิผล
(2) กรณีเกิดสถานการณ์รุนแรง กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ แจ้งประสานขอความช่วยเหลือจังหวัด จังหวัดจะเข้าอำนวยการแทนศูนย์อำนวยเฉพาะกิจอำเภอ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการส่วนหน้าขึ้นในพื้นที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียง มีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัดเป็นผู้สั่งการ และมีหน่วยชุดปฏิบัติการ 4 แบบ ได้แก่ ชุดปฏิบัติการที่ 1 (อพยพ) ชุดปฏิบัติการที่ 2 (ป้องกัน) ชุดปฏิบัติการที่ 3 (กู้ภัย)และชุดปฏิบัติการที่ 4 (ฟื้นฟู) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง ของแต่ละหน่วยงาน
1.4 แผนงานโครงการระยะเร่งด่วน (ระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2544) ดำเนินการโดยกรมการปกครองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 5 โครงการงบประมาณรวม 28.89 ล้านบาท ดังนี้
1) โครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสาธารณภัยและภัยพิบัติ 4.27 ล้านบาท
2) โครงการเฝ้าระวังเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย 10.8 ล้านบาท
3) โครงการฝึกอบรมให้ความรู้เร่งด่วนเพื่อการจัดการอุทกภัยและโคลนถล่ม 7.02 ล้านบาท
4) โครงการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาภัย 6.8 ล้านบาท
5) โครงการอพยพราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัย (1,028.02 ล้านบาท)
(โครงการนี้จะมีการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน)
2. แนวทางดำเนินงานและงบบริหารแผนป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปี 2545
คณะอนุกรรมการได้มีมติให้ความเห็นชอบแนวทางดำเนินการและงบประมาณรายจ่ายปี 2545 ของคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ดำเนินการภายใต้แผนป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในวงเงิน17.01 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) คณะอนุกรรมการบริหารแผนป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 2.01 ล้านบาท
2) คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชน 1.27 ล้านบาท
3) คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน 0.16 ล้านบาท
4) คณะอนุกรรมการประสานการดำเนินการก่อสร้าง 0.99 ล้านบาท
5) คณะอนุกรรมการประสานการจัดระเบียบผังเมือง 1.41 ล้านบาท
6) คณะอนุกรรมการส่งเสริมอาชีพและจัดที่ทำกินสำหรับผู้อพยพ 9.74 ล้านบาท
7) คณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน 1.43 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 ต.ค. 44--
-สส-
สำหรับรายละเอียดของแผนปฏิบัติการดังกล่าว มีดังนี้
1. แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยฉับพลันในพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศ
1.1 การกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยเบื้องต้น คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้ความเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยที่จัดเตรียมขึ้น จากการประสานข้อมูลการศึกษาพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีอยู่ในปัจจุบันของหน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมการปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการป้องกันภัยพลเรือนกรมการปกครอง นำไปปรึกษาหารือและตรวจสอบกับท้องถิ่นในพื้นที่จริงอีกครั้งหนึ่ง จนได้ข้อยุติในการกำหนดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยฉับพลันเบื้องต้น ดังนี้ ภาคเหนือ มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 9 จังหวัด 44 อำเภอ 129 ตำบล 407 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 8 จังหวัด 25 อำเภอ 89 ตำบล 300 หมู่บ้าน 6 ชุมชน ภาคกลาง มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 7 จังหวัด 31 อำเภอ 79 ตำบล 278 หมู่บ้าน ภาคใต้ มีพื้นที่เสี่ยงภัยใน 10 จังหวัด 46 อำเภอ 142 ตำบล422 หมู่บ้าน 3 ชุมชน รวมจำนวน 34 จังหวัด 146 อำเภอ 439 ตำบล 1,407 หมู่บ้าน 9 ชุมชน
1.2 การประสานระบบสื่อสารเพื่อเตือนภัยของหน่วยงานที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย
1) โดยที่ระบบสื่อสารโทรคมนาคมของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นระบบที่แตกต่างกันยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ กล่าวคือ
(1) กรมการปกครอง มีศูนย์สื่อสารระบบ VHF และ UHF โดยใช้คลื่น 155 - 160 MHz จำนวน 800 อำเภอทั่วประเทศ
(2) กรมป่าไม้ มีศูนย์สื่อสาร 170 สถานี โดยให้บริการระบบ Single Side Band ในพื้นที่ป่าเขาและระบบ FM 22 ศูนย์ในพื้นที่ชุมชนเมือง
(3) กรมชลประทาน มีศูนย์สื่อสารโดยให้บริการระบบ Single Side Band จำนวน 130 สถานี
(4) กรมอุตุนิยมวิทยา มีศูนย์สื่อสารโดยให้บริการระบบ Single Side Band เครือข่าย Meteonet จำนวน 50 สถานี และจะเชื่อมโยงเข้ากับ Trunked Radio อีก 10 สถานี
2) แนวทางการดำเนินการ คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบแผนงาน/โครงการประสานเชื่อมโยงระบบสื่อสารเพื่อการเตือนภัยในแต่ละพื้นที่ โดยให้ใช้ระบบ Trunked Radio ของกรมการปกครอง เป็นเครือข่ายหลัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสารและให้มีการบริหารความถี่ร่วมกัน โดยการแปลงสัญญาณจากระบบ VHF เป็นระบบ UHF และการเพิ่มบริการในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโดยใช้ระบบ Repeater ให้สามารถครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 34 จังหวัด
1.3 การประสานแนวทางปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยฉับพลัน ในระดับพื้นที่ระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม 2544 เห็นควรใช้กลไกบริหารจัดการตามพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522เป็นหลัก และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรธรณี ให้การสนับสนุนทั้งด้านเทคนิคและกำลังคน ดังนี้
1) ก่อนเกิดอุทกภัย
(1) การติดตั้งอุปกรณ์และเตรียมระบบเตือนภัย มอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการปกครอง กรมชลประทาน และกรมป่าไม้ ฯลฯ ในการจัดการเครื่องวัดน้ำฝนและดำเนินการติดตั้ง ในพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและจัดเตรียมบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยาและการแจ้งเตือนภัยให้อยู่เวรยามทำหน้าที่ตรวจวัดและแจ้งข้อมูลอากาศ
(2) การจัดฝึกอบรมความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยาเบื้องต้น เห็นควรมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานหลักในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งข้อมูลแจ้งเตือนภัยที่ถูกต้องสู่ประชาชนและชุมชนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
(3) กลไกการประสานการปฏิบัติงานระดับพื้นที่ เห็นควรให้จัดตั้ง
- หน่วยวัดและแจ้งข้อมูลระดับจังหวัดและภาค ดำเนินการติดตามสถานการณ์ แจ้งข้อมูลเตือนภัยแก่หน่วยงานราชการระดับพื้นที่ เช่น กอ.ปพร. จังหวัด กอ.ปพร. ภาค สำนักเลขาธิการ ปพร. และหน่วยงานระดับนโยบาย โดยมีกองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด กรมการปกครอง เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและอำนวยการทำแผนปฏิบัติและประสานขั้นตอนการปฏิบัติการป้องกันแก้ไขอุทกภัยให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงของอุทกภัยในระดับต่าง ๆ
- หน่วยวัดและแจ้งข้อมูลระดับท้องถิ่น โดยจัดตั้งเป็นคณะทำงานด้านเทคนิคในแต่ละพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์แจ้งข้อมูลเตือนภัยตลอดระยะเวลาช่วงวิกฤตในฤดูฝน ประกอบด้วย นายอำเภอ และผู้แทนจากหน่วยราชการที่มีฐานปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรธรณี ฯลฯ โดยมี กอ.ปพร. อำเภอ เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและอำนวยการในระดับอำเภอ ในการประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งประสานงานมายัง กอ.ปพร. จังหวัด หากคาดว่าอุทกภัยที่จะเกิดมีขนาดกว้างขวางรุนแรงเกินกว่าที่หน่วยจะเข้าระงับหรือช่วยเหลือประชาชนได้
2) ขณะเกิดและหลังเกิดอุทกภัย
(1) กรณีสถานการณ์ควบคุมได้ กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ เป็นศูนย์อำนวยการ ประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการจัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และพื้นที่ปลอดภัยรองรับการอพยพ เพื่อป้องกัน อพยพกู้ภัย และลดโอกาสการเกิดภัยให้มากที่สุด และสามารถฟื้นฟูบูรณะได้รวดเร็วและมีประสิทธิผล
(2) กรณีเกิดสถานการณ์รุนแรง กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ แจ้งประสานขอความช่วยเหลือจังหวัด จังหวัดจะเข้าอำนวยการแทนศูนย์อำนวยเฉพาะกิจอำเภอ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการส่วนหน้าขึ้นในพื้นที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียง มีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัดเป็นผู้สั่งการ และมีหน่วยชุดปฏิบัติการ 4 แบบ ได้แก่ ชุดปฏิบัติการที่ 1 (อพยพ) ชุดปฏิบัติการที่ 2 (ป้องกัน) ชุดปฏิบัติการที่ 3 (กู้ภัย)และชุดปฏิบัติการที่ 4 (ฟื้นฟู) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง ของแต่ละหน่วยงาน
1.4 แผนงานโครงการระยะเร่งด่วน (ระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2544) ดำเนินการโดยกรมการปกครองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 5 โครงการงบประมาณรวม 28.89 ล้านบาท ดังนี้
1) โครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสาธารณภัยและภัยพิบัติ 4.27 ล้านบาท
2) โครงการเฝ้าระวังเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย 10.8 ล้านบาท
3) โครงการฝึกอบรมให้ความรู้เร่งด่วนเพื่อการจัดการอุทกภัยและโคลนถล่ม 7.02 ล้านบาท
4) โครงการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาภัย 6.8 ล้านบาท
5) โครงการอพยพราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัย (1,028.02 ล้านบาท)
(โครงการนี้จะมีการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน)
2. แนวทางดำเนินงานและงบบริหารแผนป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปี 2545
คณะอนุกรรมการได้มีมติให้ความเห็นชอบแนวทางดำเนินการและงบประมาณรายจ่ายปี 2545 ของคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ดำเนินการภายใต้แผนป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในวงเงิน17.01 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) คณะอนุกรรมการบริหารแผนป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 2.01 ล้านบาท
2) คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชน 1.27 ล้านบาท
3) คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน 0.16 ล้านบาท
4) คณะอนุกรรมการประสานการดำเนินการก่อสร้าง 0.99 ล้านบาท
5) คณะอนุกรรมการประสานการจัดระเบียบผังเมือง 1.41 ล้านบาท
6) คณะอนุกรรมการส่งเสริมอาชีพและจัดที่ทำกินสำหรับผู้อพยพ 9.74 ล้านบาท
7) คณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน 1.43 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 ต.ค. 44--
-สส-