ทำเนียบรัฐบาล--11 ม.ค.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และเลขานุการขององค์การมหาชน ตามที่คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเสนอ ดังนี้
1. พิจารณาเปรียบเทียบบทบาทและภาระหน้าที่ของคณะกรรมการองค์การมหาชนกับคณะกรรมการในภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยอาจเทียบได้กับคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจประเภทส่งเสริม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 ให้เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นองค์การมหาชน
2. พิจารณาขอบเขตภาระหน้าที่ ขนาด และรายได้ขององค์การมหาชนที่แตกต่างกัน ดังนั้น อัตราเบี้ยประชุมสำหรับคณะกรรมการบริหารควรกำหนดแตกต่างกัน โดยพิจารณาจาก
2.1 ความยุ่งยากหรือขนาดของงาน องค์การมหาชนที่มีรูปแบบหรือประเภท กิจกรรมเหมือนกัน แต่มีขนาดงานหรือปริมาณงานมากกว่า หรือมีความยุ่งยาก มีความลึกซึ้งของงานมากกว่า เช่น โรงพยาบาลศูนย์กับโรงพยาบาลชุมชน มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่กับมหาวิทยาลัยขนาดเล็ก ควรกำหนดเบี้ยประชุมในอัตราที่ต่างกันตามภาระงาน
2.2 รายได้ขององค์การมหาชน ควรนำรายได้ขององค์การมหาชนมาประกอบการพิจารณากำหนดเบี้ยประชุมของคณะกรรมการองค์การมหาชนด้วย โดยหากเป็นองค์การมหาชนที่มีรายได้จากการให้บริการมากและขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐในสัดส่วนที่น้อยกว่า อาจกำหนดเบี้ยประชุมในอัตราที่สูงกว่าองค์การมหาชนที่มีรายได้จากการให้บริการไม่มากนักและขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐเป็นส่วนใหญ่
2.3 คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเห็นว่า โดยที่องค์การมหาชนเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมีฐานะเป็นนิติบุคคล สามารถกำหนดอัตราค่าบริการได้ แต่ไม่แสวงหากำไรเป็นหลัก จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการอขงองค์การมหาชน ดังนี้
1) กรรมการ ให้ได้รับในอัตราครั้งละ 2,400 - 8,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท
2) ประธานกรรมการ ให้ได้รับสูงกว่ากรรมการไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 แต่ไม่เกิน 1 เท่าของกรรมการ
3) อนุกรรมการ ให้ได้รับในอัตราที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของอัตราที่กรรมการได้รับ หรือให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
4) ที่ปรึกษา ให้ได้รับเท่ากับกรรมการ และกำหนดให้จ่ายเป็นรายครั้ง เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับกรรมการและไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง
5) ผู้อำนวยการ ไม่ควรได้รับเบี้ยประชุม เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำทั้งนี้ อัตราเบี้ยประชุมตามข้อ 1) และ 2) ขององค์การมหาชนแต่ละองค์การจะกำหนดเป็นอัตราเท่าใดตามกรอบการพิจารณาข้างต้น หรือมีเหตุผลตามความจำเป็นเป็นพิเศษที่ควรมีอัตราที่แตกต่างออกไป ให้คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการพิจารณากำหนดเป็นรายกรณีไป
3. ประโยชน์ตอบแทนอื่น เห็นควรกำหนดให้ประธานกรรมการ กรรมการ และที่ปรึกษาได้รับประโยชน์ตอบแทนอื่นในกรณีเดินทางไปปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ในอัตราที่กำหนดสำหรับข้าราชการพลเรือนระดับ 10 ส่วนอนุกรรมการให้ได้รับในอัตราที่กำหนดสำหรับข้าราชการพลเรือนระดับ 9
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 มกราคม 2543--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และเลขานุการขององค์การมหาชน ตามที่คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเสนอ ดังนี้
1. พิจารณาเปรียบเทียบบทบาทและภาระหน้าที่ของคณะกรรมการองค์การมหาชนกับคณะกรรมการในภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยอาจเทียบได้กับคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจประเภทส่งเสริม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 ให้เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นองค์การมหาชน
2. พิจารณาขอบเขตภาระหน้าที่ ขนาด และรายได้ขององค์การมหาชนที่แตกต่างกัน ดังนั้น อัตราเบี้ยประชุมสำหรับคณะกรรมการบริหารควรกำหนดแตกต่างกัน โดยพิจารณาจาก
2.1 ความยุ่งยากหรือขนาดของงาน องค์การมหาชนที่มีรูปแบบหรือประเภท กิจกรรมเหมือนกัน แต่มีขนาดงานหรือปริมาณงานมากกว่า หรือมีความยุ่งยาก มีความลึกซึ้งของงานมากกว่า เช่น โรงพยาบาลศูนย์กับโรงพยาบาลชุมชน มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่กับมหาวิทยาลัยขนาดเล็ก ควรกำหนดเบี้ยประชุมในอัตราที่ต่างกันตามภาระงาน
2.2 รายได้ขององค์การมหาชน ควรนำรายได้ขององค์การมหาชนมาประกอบการพิจารณากำหนดเบี้ยประชุมของคณะกรรมการองค์การมหาชนด้วย โดยหากเป็นองค์การมหาชนที่มีรายได้จากการให้บริการมากและขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐในสัดส่วนที่น้อยกว่า อาจกำหนดเบี้ยประชุมในอัตราที่สูงกว่าองค์การมหาชนที่มีรายได้จากการให้บริการไม่มากนักและขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐเป็นส่วนใหญ่
2.3 คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเห็นว่า โดยที่องค์การมหาชนเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมีฐานะเป็นนิติบุคคล สามารถกำหนดอัตราค่าบริการได้ แต่ไม่แสวงหากำไรเป็นหลัก จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการอขงองค์การมหาชน ดังนี้
1) กรรมการ ให้ได้รับในอัตราครั้งละ 2,400 - 8,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท
2) ประธานกรรมการ ให้ได้รับสูงกว่ากรรมการไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 แต่ไม่เกิน 1 เท่าของกรรมการ
3) อนุกรรมการ ให้ได้รับในอัตราที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของอัตราที่กรรมการได้รับ หรือให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
4) ที่ปรึกษา ให้ได้รับเท่ากับกรรมการ และกำหนดให้จ่ายเป็นรายครั้ง เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับกรรมการและไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง
5) ผู้อำนวยการ ไม่ควรได้รับเบี้ยประชุม เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำทั้งนี้ อัตราเบี้ยประชุมตามข้อ 1) และ 2) ขององค์การมหาชนแต่ละองค์การจะกำหนดเป็นอัตราเท่าใดตามกรอบการพิจารณาข้างต้น หรือมีเหตุผลตามความจำเป็นเป็นพิเศษที่ควรมีอัตราที่แตกต่างออกไป ให้คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการพิจารณากำหนดเป็นรายกรณีไป
3. ประโยชน์ตอบแทนอื่น เห็นควรกำหนดให้ประธานกรรมการ กรรมการ และที่ปรึกษาได้รับประโยชน์ตอบแทนอื่นในกรณีเดินทางไปปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ในอัตราที่กำหนดสำหรับข้าราชการพลเรือนระดับ 10 ส่วนอนุกรรมการให้ได้รับในอัตราที่กำหนดสำหรับข้าราชการพลเรือนระดับ 9
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 มกราคม 2543--