ทำเนียบรัฐบาล--19 ธ.ค.--นิวส์สแตนด์
ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 กรณีขอยกเว้นให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 13 แห่ง เป็นส่วนราชการเพิ่มใหม่
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 กรณีขอยกเว้นให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 13 แห่ง เป็นส่วนราชการเพิ่มใหม่แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติให้จัดตั้งเรือนจำและทัณฑสถานรวม 12 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดพล เรือนจำจังหวัดสว่างแดนดิน เรือนจำจังหวัดเทิง เรือนจำจังหวัดบัวใหญ่ เรือนจำจังหวัดทองผาภูมิ เรือนจำพิเศษพัทยา เรือนจำจังหวัดกันทรลักษณ์ เรือนจำจังหวัดนางรอง ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษคลองไผ่ ทัณฑสถานเปิดเขาพริก และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ โดยการจัดตั้งเรือนจำดังกล่าว เป็นเรือนจำอำเภอ ยกเว้นทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 เรื่อง เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 เรื่อง เห็นชอบหลักการและมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามความเห็นของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และเห็นชอบให้ส่งร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดให้เรือนจำเป็นส่วนราชการตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2539 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขตามความเห็นคณะกรรมการดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
2. อนุมัติตามความเห็นคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับการกำหนดอาณาเขตเรือนจำฯ การดำเนินการต่าง ๆ ของเรือนจำที่ได้ปฏิบัติโดยชอบของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและการสนับสนุนอัตรากำลัง และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณดำเนินการตามความเห็นดังกล่าวต่อไป ดังนี้
2.1 การจัดตั้งเรือนจำและทัณฑสถานตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 เป็นการดำเนินการที่ไม่มีผลผูกพันกับการเป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนั้น เมื่อกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดอาณาเขตเรือนจำและทัณฑสถานแล้ว กระทรวงมหาดไทยต้องดำเนินการขอกำหนดให้เรือนจำและทัณฑสถานนั้น เป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามนัยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534 ด้วย
2.2 เรือนจำและทัณฑสถานที่ได้เปิดดำเนินการไปแล้วนั้น ให้มีผลใช้บังคับตามข้อเท็จจริงที่เรือนจำและทัณฑสถานนั้น ๆ ได้เปิดดำเนินการมา แต่การประกาศให้หน่วยงานใดเป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินจะมีผลถัดจากวันที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา 1 วัน ไม่อาจประกาศให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังได้ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบดำเนินการต่าง ๆ ที่เรือนจำและทัณฑสถานได้ปฏิบัติไปโดยชอบตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย นับแต่วันที่ได้จัดตั้งเรือนจำและทัณฑสถานนั้น ๆ
2.3 สนับสนุนอัตรากำลังให้แก่เรือนจำและทัณฑสถานที่พร้อมจะเปิดดำเนินการคือ เรือนจำพิเศษพัทยา เรือนจำอำเภอกันทรลักษณ์ และทัณฑสถานบำบัดพิเศษคลองไผ่ ในจำนวนรวมไม่เกิน 200 อัตรา ทั้งนี้ ให้จัดสรรจากอัตราที่ยุบเลิกจากผลของการเกษียณอายุประจำปีงบประมาณ 2542 ที่ยังเหลืออยู่ แต่หากได้มีการยุบเลิกอัตราดังกล่าวไปแล้ว ก็ให้จัดสรรจากอัตรายุบเลิกจากผลของการเกษียณอายุประจำปีงบประมาณ 2543 ต่อไป
2.4 ให้กรมราชทัณฑ์ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. ร่วมกันศึกษาและพิจารณาว่างานในตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบของเรือนจำและทัณฑสถานในลักษณะใดบ้างที่ควรมอบหมายให้ทำในลักษณะของการจัดจ้างลูกจ้างโดยไม่ต้องใช้เป็นตำแหน่งข้าราชการประจำ ซึ่งจะช่วยให้รัฐไม่ต้องผูกพันเงินงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายด้านอัตราเงินเดือนเช่นเดียวกับการกำหนดตำแหน่งข้าราชการประจำ และให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของลูกจ้างที่กรมราชทัณฑ์จะจัดจ้างด้วย
3. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาลดความแออัดในเรือนจำ โดยให้ขยายพื้นที่เรือนจำที่ตั้งอยู่เดิมหรือสร้างเรือนจำขึ้นใหม่ให้มีบริเวณกว้างขวางขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของผู้ต้องขังซึ่งจะต้องมีแผนดำเนินการให้แน่นอนและมีการทำอย่างเป็นขั้นตอน โดยทยอยทำตามกำลังเงินของประเทศก็จะเป็นการเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 19 ธ.ค. 2543--
-สส-
ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 กรณีขอยกเว้นให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 13 แห่ง เป็นส่วนราชการเพิ่มใหม่
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 กรณีขอยกเว้นให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 13 แห่ง เป็นส่วนราชการเพิ่มใหม่แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติให้จัดตั้งเรือนจำและทัณฑสถานรวม 12 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดพล เรือนจำจังหวัดสว่างแดนดิน เรือนจำจังหวัดเทิง เรือนจำจังหวัดบัวใหญ่ เรือนจำจังหวัดทองผาภูมิ เรือนจำพิเศษพัทยา เรือนจำจังหวัดกันทรลักษณ์ เรือนจำจังหวัดนางรอง ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษคลองไผ่ ทัณฑสถานเปิดเขาพริก และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ โดยการจัดตั้งเรือนจำดังกล่าว เป็นเรือนจำอำเภอ ยกเว้นทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 เรื่อง เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 เรื่อง เห็นชอบหลักการและมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามความเห็นของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และเห็นชอบให้ส่งร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดให้เรือนจำเป็นส่วนราชการตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2539 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขตามความเห็นคณะกรรมการดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
2. อนุมัติตามความเห็นคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับการกำหนดอาณาเขตเรือนจำฯ การดำเนินการต่าง ๆ ของเรือนจำที่ได้ปฏิบัติโดยชอบของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและการสนับสนุนอัตรากำลัง และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณดำเนินการตามความเห็นดังกล่าวต่อไป ดังนี้
2.1 การจัดตั้งเรือนจำและทัณฑสถานตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 เป็นการดำเนินการที่ไม่มีผลผูกพันกับการเป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนั้น เมื่อกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดอาณาเขตเรือนจำและทัณฑสถานแล้ว กระทรวงมหาดไทยต้องดำเนินการขอกำหนดให้เรือนจำและทัณฑสถานนั้น เป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามนัยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534 ด้วย
2.2 เรือนจำและทัณฑสถานที่ได้เปิดดำเนินการไปแล้วนั้น ให้มีผลใช้บังคับตามข้อเท็จจริงที่เรือนจำและทัณฑสถานนั้น ๆ ได้เปิดดำเนินการมา แต่การประกาศให้หน่วยงานใดเป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินจะมีผลถัดจากวันที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา 1 วัน ไม่อาจประกาศให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังได้ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบดำเนินการต่าง ๆ ที่เรือนจำและทัณฑสถานได้ปฏิบัติไปโดยชอบตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย นับแต่วันที่ได้จัดตั้งเรือนจำและทัณฑสถานนั้น ๆ
2.3 สนับสนุนอัตรากำลังให้แก่เรือนจำและทัณฑสถานที่พร้อมจะเปิดดำเนินการคือ เรือนจำพิเศษพัทยา เรือนจำอำเภอกันทรลักษณ์ และทัณฑสถานบำบัดพิเศษคลองไผ่ ในจำนวนรวมไม่เกิน 200 อัตรา ทั้งนี้ ให้จัดสรรจากอัตราที่ยุบเลิกจากผลของการเกษียณอายุประจำปีงบประมาณ 2542 ที่ยังเหลืออยู่ แต่หากได้มีการยุบเลิกอัตราดังกล่าวไปแล้ว ก็ให้จัดสรรจากอัตรายุบเลิกจากผลของการเกษียณอายุประจำปีงบประมาณ 2543 ต่อไป
2.4 ให้กรมราชทัณฑ์ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. ร่วมกันศึกษาและพิจารณาว่างานในตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบของเรือนจำและทัณฑสถานในลักษณะใดบ้างที่ควรมอบหมายให้ทำในลักษณะของการจัดจ้างลูกจ้างโดยไม่ต้องใช้เป็นตำแหน่งข้าราชการประจำ ซึ่งจะช่วยให้รัฐไม่ต้องผูกพันเงินงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายด้านอัตราเงินเดือนเช่นเดียวกับการกำหนดตำแหน่งข้าราชการประจำ และให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของลูกจ้างที่กรมราชทัณฑ์จะจัดจ้างด้วย
3. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาลดความแออัดในเรือนจำ โดยให้ขยายพื้นที่เรือนจำที่ตั้งอยู่เดิมหรือสร้างเรือนจำขึ้นใหม่ให้มีบริเวณกว้างขวางขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของผู้ต้องขังซึ่งจะต้องมีแผนดำเนินการให้แน่นอนและมีการทำอย่างเป็นขั้นตอน โดยทยอยทำตามกำลังเงินของประเทศก็จะเป็นการเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 19 ธ.ค. 2543--
-สส-