ทำเนียบรัฐบาล--26 ก.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษาเสนอ
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้บริหารการศึกษาผู้บริหารสถานศึกษา ครู ประจำการทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 7 แสนคน ให้มีความรู้ ความเข้าใจและมั่นใจในการปฏิบัติงานเพื่อการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 โดยกำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2545 และกำหนดให้มีคณะกรรมการประสานงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวง ทบวง กรม สถาบันผลิตครู และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีประธานกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ และมีสำนักงานปฏิรูปการศึกษาเป็นฝ่ายเลขานุการ
คณะกรรมการดังกล่าว มีหน้าที่ประสานงานและส่งเสริมการดำเนินการในเรื่องการกำหนดแผนงานดำเนินงาน การจัดทำหลักสูตรตามเนื้อหาสาระของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 จัดทำชุดฝึกอบรมต้นแบบพร้อมคู่มือ ที่มีลักษณะเป็นสื่อประสมเพื่อหน่วยงานต้นสังกัดได้นำไปผลิตให้เพียงพอกับกลุ่มเป้าหมายที่รับผิดชอบ นอกจากนี้มีหน้าที่ในการประสานการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามโครงการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
สำหรับงบประมาณดำเนินการ กำหนดงบประมาณตามโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2545ประมาณ 268 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของสำนักงานปฏิรูปการศึกาา จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเตรียมการจัดทำหลักสูตร และชุดฝึกอบรมต้นแบบพร้อมคู่มือ สำหรับงบประมาณที่เหลืออีกประมาณ 263 ล้านบาท จะใช้งบประมาณที่กรมต่าง ๆ ที่เป็นต้นสังกัดของผู้เข้ารับการอบรมได้ตั้งไว้เพื่อการพัฒนาบุคลากรในแต่ละปี
การดำเนินการตามโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้การปฏิรูปการศึกษาตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งผลกระทบที่เป็นทางบวกในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการเงินและงบประมาณ ด้านความร่วมมือ และความเป็นเอกภาพ และด้านผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งจะช่วยให้ส่วนราชการต่าง ๆ ลดการทำงานในรูปคณะกรรมการลง เพื่อที่หน่วยงานจะได้มุ่งปฏิบัติภารกิจหลักได้อย่างเต็มที่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 ก.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษาเสนอ
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้บริหารการศึกษาผู้บริหารสถานศึกษา ครู ประจำการทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 7 แสนคน ให้มีความรู้ ความเข้าใจและมั่นใจในการปฏิบัติงานเพื่อการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 โดยกำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2545 และกำหนดให้มีคณะกรรมการประสานงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวง ทบวง กรม สถาบันผลิตครู และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีประธานกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ และมีสำนักงานปฏิรูปการศึกษาเป็นฝ่ายเลขานุการ
คณะกรรมการดังกล่าว มีหน้าที่ประสานงานและส่งเสริมการดำเนินการในเรื่องการกำหนดแผนงานดำเนินงาน การจัดทำหลักสูตรตามเนื้อหาสาระของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 จัดทำชุดฝึกอบรมต้นแบบพร้อมคู่มือ ที่มีลักษณะเป็นสื่อประสมเพื่อหน่วยงานต้นสังกัดได้นำไปผลิตให้เพียงพอกับกลุ่มเป้าหมายที่รับผิดชอบ นอกจากนี้มีหน้าที่ในการประสานการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามโครงการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
สำหรับงบประมาณดำเนินการ กำหนดงบประมาณตามโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2545ประมาณ 268 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของสำนักงานปฏิรูปการศึกาา จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเตรียมการจัดทำหลักสูตร และชุดฝึกอบรมต้นแบบพร้อมคู่มือ สำหรับงบประมาณที่เหลืออีกประมาณ 263 ล้านบาท จะใช้งบประมาณที่กรมต่าง ๆ ที่เป็นต้นสังกัดของผู้เข้ารับการอบรมได้ตั้งไว้เพื่อการพัฒนาบุคลากรในแต่ละปี
การดำเนินการตามโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้การปฏิรูปการศึกษาตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งผลกระทบที่เป็นทางบวกในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการเงินและงบประมาณ ด้านความร่วมมือ และความเป็นเอกภาพ และด้านผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งจะช่วยให้ส่วนราชการต่าง ๆ ลดการทำงานในรูปคณะกรรมการลง เพื่อที่หน่วยงานจะได้มุ่งปฏิบัติภารกิจหลักได้อย่างเต็มที่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 ก.ย. 2543--
-สส-