การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มและกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในปี 2560

ข่าวการเมือง Tuesday April 11, 2017 18:09 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 28 กรกฎาคม และวันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันหยุดราชการประจำปี อีก 2 วัน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและประชาชน

สาระสำคัญของเรื่อง

สลค. เสนอว่า ได้จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มและการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในปี 2560 ดังนี้

1. ควรกำหนดวันหยุดราชการประจำปีเพิ่ม รวม 2 วัน เนื่องจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้กำหนดวันสำคัญของชาติไทยเพิ่มเติม ได้แก่ วันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร และวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อให้ประชาชนได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ดังนั้น จึงเห็นควรกำหนดวันหยุดราชการประจำปีเพิ่ม รวม 2 วัน ดังนี้

1.1 วันที่ 28 กรกฎาคม เนื่องจากเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

1.2 วันที่ 13 ตุลาคม เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

นอกจากนี้ กรณีวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล (วันบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร) และบัดนี้ได้ล่วงพ้นรัชสมัยแล้ว จึงไม่ถือเป็นวันหยุดราชการประจำปี

2. สำหรับกรณีส่วนราชการที่ต้องปฏิบัติภารกิจในการให้บริการประชาชนหรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไป จะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชนให้ถือปฏิบัติตามแนวทางเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติในเรื่องเดียวกันนี้แล้ว กล่าวคือให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและประชาชน ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศ และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 เมษายน 2560--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ