คณะรัฐมนตรีพิจารณาข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย -นิวซีแลนด์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ แล้วมีมติเห็นชอบข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย -นิวซีแลนด์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามข้อตกลง ด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศมอบอำนาจในการลงนามข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย - นิวซีแลนด์ แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เนื่องจากนาง Helen Clark นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์มีกำหนดการเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 18-20 เมษายน 2548 และเสนอให้มีการลงนามในข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย - นิวซีแลนด์ ในระหว่างเวลาดังกล่าว
ร่างข้อตกลงฯ ดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้
1. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันดำเนินงานทางด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะไม่มีการนำประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งจะไม่แสวงหผลประโยชน์ในเชิงการค้าและการลงทุนด้วยการผ่อนผันในเชิงกฏหมายและระเบียบปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละฝ่าย
2. ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจะช่วยในการสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ตลอดจนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีของทั้งสองฝ่ายให้กว้างขวางและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
3. กิจกรรมภายใต้ความร่วมมือนี้จะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) กิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้คือ การจัดการของเสีย การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การจัดการทรัพยากรน้ำและลุ่มน้ำ การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตสินค้าต่อสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการพื้นที่สงวนและอุทยานแห่งชาติ การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การมีส่วนร่วมของสาธารณชนในการจัดการสิ่งแวดล้อม และการให้การศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อม
4. ในการดำเนินความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยที่คณะกรรมการดังกล่าวจะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสจากรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันครั้งแรกภายใน 1 ปี หลังจากที่ได้มีการลงนามในความตกลงและภายหลังจากนั้นจะมีการกำหนดการประชุมร่วมกันโดยสถานที่จัดประชุมจะสลับกันไประหว่าง 2 ประเทศ นอกจากนี้รัฐมนตรีของแต่ละประเทศจะประชุมร่วมกันอย่างน้อย 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรกของการดำเนินความร่วมมือเพื่อทบทวนความก้าวหน้าในการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมไม่สามารถ แก้ไขได้
5. แต่ละฝ่ายจะแต่งตั้งหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงาน (National focal point) เพื่อทำหน้าที่ในการติดต่อประสานงาน
6. ความตกลงฉบับนี้จะไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายและจะมีผลทันทีหลังจากการลงนาม
สำหรับผลดีของข้อตกลงฯ ดังกล่าวจะเป็นการขยายความร่วมมือกับนิวซีแลนด์ในสาขาอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านการค้า โดยที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการร่วมมือทวิภาคีในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากข้อตกลง ฯ ระบุกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือและมีกรอบการดำเนินงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถใช้เป็นต้นแบบในการเจรจาจัดทำกรอบความตกลงฯ กับประเทศอื่น ที่มีลักษณะความร่วมมือคล้ายคลึงกันได้ อีกทั้งจะเป็นการสนับสนุนหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน และการค้าในระดับทวิภาคีระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 5 เมษายน 2548--จบ--
ร่างข้อตกลงฯ ดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้
1. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันดำเนินงานทางด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะไม่มีการนำประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งจะไม่แสวงหผลประโยชน์ในเชิงการค้าและการลงทุนด้วยการผ่อนผันในเชิงกฏหมายและระเบียบปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละฝ่าย
2. ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจะช่วยในการสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ตลอดจนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีของทั้งสองฝ่ายให้กว้างขวางและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
3. กิจกรรมภายใต้ความร่วมมือนี้จะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) กิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้คือ การจัดการของเสีย การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การจัดการทรัพยากรน้ำและลุ่มน้ำ การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตสินค้าต่อสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการพื้นที่สงวนและอุทยานแห่งชาติ การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การมีส่วนร่วมของสาธารณชนในการจัดการสิ่งแวดล้อม และการให้การศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อม
4. ในการดำเนินความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยที่คณะกรรมการดังกล่าวจะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสจากรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันครั้งแรกภายใน 1 ปี หลังจากที่ได้มีการลงนามในความตกลงและภายหลังจากนั้นจะมีการกำหนดการประชุมร่วมกันโดยสถานที่จัดประชุมจะสลับกันไประหว่าง 2 ประเทศ นอกจากนี้รัฐมนตรีของแต่ละประเทศจะประชุมร่วมกันอย่างน้อย 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรกของการดำเนินความร่วมมือเพื่อทบทวนความก้าวหน้าในการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมไม่สามารถ แก้ไขได้
5. แต่ละฝ่ายจะแต่งตั้งหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงาน (National focal point) เพื่อทำหน้าที่ในการติดต่อประสานงาน
6. ความตกลงฉบับนี้จะไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายและจะมีผลทันทีหลังจากการลงนาม
สำหรับผลดีของข้อตกลงฯ ดังกล่าวจะเป็นการขยายความร่วมมือกับนิวซีแลนด์ในสาขาอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านการค้า โดยที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการร่วมมือทวิภาคีในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากข้อตกลง ฯ ระบุกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือและมีกรอบการดำเนินงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถใช้เป็นต้นแบบในการเจรจาจัดทำกรอบความตกลงฯ กับประเทศอื่น ที่มีลักษณะความร่วมมือคล้ายคลึงกันได้ อีกทั้งจะเป็นการสนับสนุนหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน และการค้าในระดับทวิภาคีระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 5 เมษายน 2548--จบ--