คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล อดิเรกสาร) เป็นประธานกรรมการฯและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ไปพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า โดยที่มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542ได้บัญญัติให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การจัดการศึกษาของสถานศึกษาเป็นที่มั่นใจได้ว่า ผู้เรียนจะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ดังกล่าว
ร่างกฎกระทรวงดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
2. ให้สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประกันคุณภาพศึกษาภายในสถานศึกษา มีอำนาจหน้าที่ กำหนดแนวทางและวิธีดำเนินการ กำกับ ติดตาม ให้ความเห็นข้อเสนอแนะการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา รวมทั้งเสนอแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่ตรวจสอบ ทบทวนและรายงานคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
3. ให้สถานศึกษาจัดระบบสารสนเทศ กำหนดมาตรฐานการศึกษา จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาดำเนินงานตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา และจัดทำรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี
4. ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสำนักงานการศึกษาฯ เขตพื้นที่การศึกษา ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา และดำเนินการตรวจสอบทบทวนคุณภาพสถานศึกษาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกสามปี
5. ให้หน่วยงานต้นสังกัดศึกษา วิจัย เผยแพร่นวัตกรรม รวมทั้งกำกับ ติดตาม ประเมินผล และผดุงประสิทธิภาพของระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
6. ในระหว่างที่ยังไม่ได้จัดตั้งสำนักงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพื้นที่การศึกษา ให้อำนาจหน้าที่ของสำนักงานการศึกษาฯ เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดระดับจังหวัด
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีให้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ควรจัดเป็นระบบที่มีความหลากหลายและเป็นระบบเปิด เพื่อให้นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาและให้เน้นถึงความพึงพอใจของผู้รับบริการ (นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน) ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาในส่วนของโรงเรียนสาธิตในสังกัดสถาบันอุดมศึกษา ควรเปิดโอกาสให้สามารถเลือกระบบและกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาได้ โดยอาจใช้องค์ประกอบคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ทบวงมหาวิทยาลัยประกาศใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพการศึกษา และควรให้สถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ
3. การประกันคุณภาพการศึกษาภายในและภายนอกสถานศึกษาควรมีจุดร่วมที่สัมพันธ์กันและให้เกิดความยืดหยุ่น เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพและสามารถจัดการศึกษาได้ทั้งระบบ
4. การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ควรให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง หรือบุคลากรในชุมชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อความสมบูรณ์และเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-
กระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า โดยที่มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542ได้บัญญัติให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การจัดการศึกษาของสถานศึกษาเป็นที่มั่นใจได้ว่า ผู้เรียนจะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ดังกล่าว
ร่างกฎกระทรวงดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
2. ให้สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประกันคุณภาพศึกษาภายในสถานศึกษา มีอำนาจหน้าที่ กำหนดแนวทางและวิธีดำเนินการ กำกับ ติดตาม ให้ความเห็นข้อเสนอแนะการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา รวมทั้งเสนอแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่ตรวจสอบ ทบทวนและรายงานคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
3. ให้สถานศึกษาจัดระบบสารสนเทศ กำหนดมาตรฐานการศึกษา จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาดำเนินงานตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา และจัดทำรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี
4. ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสำนักงานการศึกษาฯ เขตพื้นที่การศึกษา ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา และดำเนินการตรวจสอบทบทวนคุณภาพสถานศึกษาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกสามปี
5. ให้หน่วยงานต้นสังกัดศึกษา วิจัย เผยแพร่นวัตกรรม รวมทั้งกำกับ ติดตาม ประเมินผล และผดุงประสิทธิภาพของระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
6. ในระหว่างที่ยังไม่ได้จัดตั้งสำนักงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพื้นที่การศึกษา ให้อำนาจหน้าที่ของสำนักงานการศึกษาฯ เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดระดับจังหวัด
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีให้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ควรจัดเป็นระบบที่มีความหลากหลายและเป็นระบบเปิด เพื่อให้นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาและให้เน้นถึงความพึงพอใจของผู้รับบริการ (นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน) ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาในส่วนของโรงเรียนสาธิตในสังกัดสถาบันอุดมศึกษา ควรเปิดโอกาสให้สามารถเลือกระบบและกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาได้ โดยอาจใช้องค์ประกอบคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ทบวงมหาวิทยาลัยประกาศใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพการศึกษา และควรให้สถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ
3. การประกันคุณภาพการศึกษาภายในและภายนอกสถานศึกษาควรมีจุดร่วมที่สัมพันธ์กันและให้เกิดความยืดหยุ่น เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพและสามารถจัดการศึกษาได้ทั้งระบบ
4. การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ควรให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง หรือบุคลากรในชุมชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อความสมบูรณ์และเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-