คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2543 เรื่อง การแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน ในประเด็นการขยายระยะเวลาการรายงานผลการดำเนินการ ซึ่งให้รายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบจากเดิมทุก 2 สัปดาห์ เป็นทุก 2 เดือน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อเสนอของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) มีคำสั่งเห็นชอบให้รวบรวมรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรณีเขื่อนปากมูลและเขื่อนสิรินธร ซึ่งรายงานมาเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบทุก 2 สัปดาห์ โดยรวบรวมไว้ 3 ครั้ง (6 สัปดาห์) แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ เว้นแต่กรณีที่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบทันที ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ให้ความเห็นว่าควรขยายระยะเวลาการรายงานเป็น 2 เดือน ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2543 กำหนดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2543 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2543 และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีติดตามการดำเนินงานในเรื่องนี้อีกทางหนึ่ง แล้วรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 2 สัปดาห์นั้น ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติกับหน่วยงานที่รายงาน เนื่องจากเป็นประเด็นปัญหาที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ และในระยะเวลาที่ผ่านมาผลการดำเนินการในรอบ 2 สัปดาห์ ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงเห็นสมควรขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวในประเด็นการขยายระยะเวลาการรายงานออกไป ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอทราบความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้แก่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 ต.ค. 44--
-สส-
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อเสนอของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) มีคำสั่งเห็นชอบให้รวบรวมรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรณีเขื่อนปากมูลและเขื่อนสิรินธร ซึ่งรายงานมาเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบทุก 2 สัปดาห์ โดยรวบรวมไว้ 3 ครั้ง (6 สัปดาห์) แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ เว้นแต่กรณีที่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบทันที ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ให้ความเห็นว่าควรขยายระยะเวลาการรายงานเป็น 2 เดือน ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2543 กำหนดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2543 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2543 และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีติดตามการดำเนินงานในเรื่องนี้อีกทางหนึ่ง แล้วรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 2 สัปดาห์นั้น ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติกับหน่วยงานที่รายงาน เนื่องจากเป็นประเด็นปัญหาที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ และในระยะเวลาที่ผ่านมาผลการดำเนินการในรอบ 2 สัปดาห์ ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงเห็นสมควรขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวในประเด็นการขยายระยะเวลาการรายงานออกไป ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอทราบความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้แก่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 ต.ค. 44--
-สส-