คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 เสนอ เกี่ยวกับการพิจารณาค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรแพทย์ และการปรับปรุงรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
1. หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรแพทย์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯไปดำเนินการ ดังนี้
1.1 ตามที่กระทรวงการคลังเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ กรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวฯ และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฯ จากเดิมที่กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายเงินทั้ง 2 กรณี เป็นการเบิกจ่ายเป็นรายเดือนเช่นเดียวกับการเบิกเงินเดือน นั้น กระทรวงสาธารณสุขไม่ขัดข้อง แต่ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีปัญหาในการเบิกจ่ายเงินแต่ละครั้งมาก ยิ่งโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลการเบิกจ่ายยิ่งล่าช้ามาก ไม่จูงใจให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน จะมีวิธีการอย่างไรให้มีการเบิกจ่ายได้รวดเร็ว ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงวิธีการเบิกจ่ายให้รวดเร็วขึ้นด้วย และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานกระทรวงการคลังเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการส่งเงินบำรุงโรงพยาบาลให้กระทรวงการคลัง กรณีของโครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนชาวไทย ซึ่งจำเป็นต้องปรับระบบให้รวดเร็วสอดคล้องกับการดำเนินการงบประมาณแบบใหม่ด้วย
1.2 กรณีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว และ/หรือปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดให้จ่ายเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและทำหน้าที่รักษาพยาบาลโดยตรงไม่ควรรวมถึงผู้บริหารสถานพยาบาล เว้นแต่ผู้บริหารที่ทำหน้าที่บริหารและรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยตรงไปดำเนินการด้วย
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัด ปรับปรุงวิธีการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวฯ และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฯ ให้รวดเร็วด้วย
2. อนุมัติการปรับปรุงรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร ดังนี้
2.1 ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้หลักเกณฑ์การกำหนดความทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากรของพื้นที่สำหรับโรงพยาบาลชุมชน และอัตราการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายของบุคลากรในพื้นที่ที่ปรับปรุงใหม่ และเห็นควรให้ความเห็นชอบจำนวนและรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนที่จัดอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป
2.2 ให้กระทรวงสาธารณสุขทำการปรับปรุงหลักเกณฑ์และรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากรได้ทุก 2 ปี โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณา และให้มีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมเป็นกรรมการในการพิจารณาด้วย
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรทางการแพทย์ขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องโดยที่ประชุมได้ข้อยุติเกี่ยวกับเรื่องนี้ สรุปได้ดังนี้
ค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีการเบิกจ่ายมี 8 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ 1 เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์สาขาส่งเสริมพิเศษ
ประเภทที่ 2 เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร กรณีปฏิบัติงานในสถานบริการสาธารณสุขโดยไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว และหรือปฏิบัติงานโรงพยาบาลเอกชน
ประเภทที่ 3 ค่าตอบแทนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการปฏิบัติงานให้บริการทางการแพทย์นอกเวลาราชการและวันหยุดราชการ
ประเภทที่ 4 ค่าตอบแทนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการปฏิบัติงานในคลีนิกนอกราชการ
ประเภทที่ 5 ค่าตอบแทนสำหรับพยาบาลในการปฏิบัติงานในเวรบ่าย - ดึก
ประเภทที่ 6 ค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร
ประเภทที่ 7 ค่าตอบแทนผ่าศพ และชันสูตรศพ
ประเภทที่ 8 ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยเอดส์
ทั้งนี้ ค่าตอบแทนที่คณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องมีการปรับปรุงแนวทางในการเบิกจ่ายและแนวทางปฏิบัติ ได้แก่
1. เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์สาขาส่งเสริมพิเศษ ได้แก่ สาขาพยาธิวิทยา สาขาวิสัญญีวิทยา สาขารังสีวิทยาทั่วไป รังสีวินิจฉัย รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แพทย์ที่ปฏิบัติงานในฝ่ายจิตเวช แพทย์ที่ปฏิบัติงานด้านบำบัดรักษายาเสพติด แพทย์ที่ปฏิบัติงานในฝ่ายเวชกรรมสังคมและสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป ซึ่งการจ่ายค่าตอบแทนประเภทนี้ เป็นการจ่ายเพื่อจูงใจให้แพทย์มาปฏิบัติงานในสาขาที่มีความจำเป็นแต่ขาดแคลนของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากไม่มีผู้นิยมเรียนและปฏิบัติงาน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง และได้รับอนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนนี้ได้
2. เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร กรณีปฏิบัติงานในสถานบริการสาธารณสุขโดยไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว และ/หรือปฏิบัติงานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อหารายได้พิเศษเพิ่มเติม และยังจะได้มีเวลาอยู่ปฏิบัติงานพิเศษอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติได้เต็มที่
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า ควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติการเบิกจ่ายใหม่ โดย
1) จำกัดผู้ที่จะได้รับเงินพิเศษนี้ โดยกำหนดสถานที่ผู้มีสิทธิจะได้รับให้ชัดเจนไม่เปิดกว้างโดยต้องเป็นหน่วยบริการจริง ๆ แต่จะมีผลกระทบกับบางหน่วยงานที่จะขอรับเงินนี้ เช่น กรมวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข กรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบ
2) จำกัดสิทธิสำหรับผู้บริหารหน่วยงานบางระดับ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงและไม่ได้ทำหน้าที่บริการโดยตรง ยกเว้นตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน และผู้อำนวยการโรงพยาบลทั่วไปขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกล
3) ควรมีระบบการควบคุมกำกับที่ชัดเจนและกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติพิเศษเพิ่มเติมที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และมีระบบการลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ที่ขาดคุณสมบัติแต่ขอรับเงินเพิ่มพิเศษ
4) ควรกำหนดเกณฑ์การประเมินในภาพรวมขององค์กรให้คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับ โดยคณะกรรมการที่ทำหน้าที่อนุมัติต้องให้ความสำคัญกับการประเมินผล
ทั้งนี้ โดยยึดหลักการเดียวกันในเรื่องการทำงานบริหารทางเวชปฏิบัติไม่น้อยกว่า 15 วันทำการต่อเดือนเป็นอย่างน้อย โดยให้มีคณะทำงานกำหนดในรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจน
3. ค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 ก.ค.44--
-สส-
1. หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรแพทย์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯไปดำเนินการ ดังนี้
1.1 ตามที่กระทรวงการคลังเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ กรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวฯ และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฯ จากเดิมที่กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายเงินทั้ง 2 กรณี เป็นการเบิกจ่ายเป็นรายเดือนเช่นเดียวกับการเบิกเงินเดือน นั้น กระทรวงสาธารณสุขไม่ขัดข้อง แต่ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีปัญหาในการเบิกจ่ายเงินแต่ละครั้งมาก ยิ่งโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลการเบิกจ่ายยิ่งล่าช้ามาก ไม่จูงใจให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน จะมีวิธีการอย่างไรให้มีการเบิกจ่ายได้รวดเร็ว ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงวิธีการเบิกจ่ายให้รวดเร็วขึ้นด้วย และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานกระทรวงการคลังเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการส่งเงินบำรุงโรงพยาบาลให้กระทรวงการคลัง กรณีของโครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนชาวไทย ซึ่งจำเป็นต้องปรับระบบให้รวดเร็วสอดคล้องกับการดำเนินการงบประมาณแบบใหม่ด้วย
1.2 กรณีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว และ/หรือปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดให้จ่ายเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและทำหน้าที่รักษาพยาบาลโดยตรงไม่ควรรวมถึงผู้บริหารสถานพยาบาล เว้นแต่ผู้บริหารที่ทำหน้าที่บริหารและรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยตรงไปดำเนินการด้วย
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัด ปรับปรุงวิธีการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวฯ และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฯ ให้รวดเร็วด้วย
2. อนุมัติการปรับปรุงรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร ดังนี้
2.1 ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้หลักเกณฑ์การกำหนดความทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากรของพื้นที่สำหรับโรงพยาบาลชุมชน และอัตราการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายของบุคลากรในพื้นที่ที่ปรับปรุงใหม่ และเห็นควรให้ความเห็นชอบจำนวนและรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนที่จัดอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป
2.2 ให้กระทรวงสาธารณสุขทำการปรับปรุงหลักเกณฑ์และรายชื่อโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากรได้ทุก 2 ปี โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณา และให้มีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมเป็นกรรมการในการพิจารณาด้วย
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรทางการแพทย์ขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องโดยที่ประชุมได้ข้อยุติเกี่ยวกับเรื่องนี้ สรุปได้ดังนี้
ค่าตอบแทนต่าง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีการเบิกจ่ายมี 8 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ 1 เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์สาขาส่งเสริมพิเศษ
ประเภทที่ 2 เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร กรณีปฏิบัติงานในสถานบริการสาธารณสุขโดยไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว และหรือปฏิบัติงานโรงพยาบาลเอกชน
ประเภทที่ 3 ค่าตอบแทนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการปฏิบัติงานให้บริการทางการแพทย์นอกเวลาราชการและวันหยุดราชการ
ประเภทที่ 4 ค่าตอบแทนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการปฏิบัติงานในคลีนิกนอกราชการ
ประเภทที่ 5 ค่าตอบแทนสำหรับพยาบาลในการปฏิบัติงานในเวรบ่าย - ดึก
ประเภทที่ 6 ค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร
ประเภทที่ 7 ค่าตอบแทนผ่าศพ และชันสูตรศพ
ประเภทที่ 8 ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยเอดส์
ทั้งนี้ ค่าตอบแทนที่คณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องมีการปรับปรุงแนวทางในการเบิกจ่ายและแนวทางปฏิบัติ ได้แก่
1. เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์สาขาส่งเสริมพิเศษ ได้แก่ สาขาพยาธิวิทยา สาขาวิสัญญีวิทยา สาขารังสีวิทยาทั่วไป รังสีวินิจฉัย รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แพทย์ที่ปฏิบัติงานในฝ่ายจิตเวช แพทย์ที่ปฏิบัติงานด้านบำบัดรักษายาเสพติด แพทย์ที่ปฏิบัติงานในฝ่ายเวชกรรมสังคมและสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป ซึ่งการจ่ายค่าตอบแทนประเภทนี้ เป็นการจ่ายเพื่อจูงใจให้แพทย์มาปฏิบัติงานในสาขาที่มีความจำเป็นแต่ขาดแคลนของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากไม่มีผู้นิยมเรียนและปฏิบัติงาน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง และได้รับอนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนนี้ได้
2. เงินเพิ่มพิเศษสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร กรณีปฏิบัติงานในสถานบริการสาธารณสุขโดยไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว และ/หรือปฏิบัติงานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อหารายได้พิเศษเพิ่มเติม และยังจะได้มีเวลาอยู่ปฏิบัติงานพิเศษอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติได้เต็มที่
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า ควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติการเบิกจ่ายใหม่ โดย
1) จำกัดผู้ที่จะได้รับเงินพิเศษนี้ โดยกำหนดสถานที่ผู้มีสิทธิจะได้รับให้ชัดเจนไม่เปิดกว้างโดยต้องเป็นหน่วยบริการจริง ๆ แต่จะมีผลกระทบกับบางหน่วยงานที่จะขอรับเงินนี้ เช่น กรมวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข กรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบ
2) จำกัดสิทธิสำหรับผู้บริหารหน่วยงานบางระดับ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงและไม่ได้ทำหน้าที่บริการโดยตรง ยกเว้นตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน และผู้อำนวยการโรงพยาบลทั่วไปขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกล
3) ควรมีระบบการควบคุมกำกับที่ชัดเจนและกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติพิเศษเพิ่มเติมที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และมีระบบการลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ที่ขาดคุณสมบัติแต่ขอรับเงินเพิ่มพิเศษ
4) ควรกำหนดเกณฑ์การประเมินในภาพรวมขององค์กรให้คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับ โดยคณะกรรมการที่ทำหน้าที่อนุมัติต้องให้ความสำคัญกับการประเมินผล
ทั้งนี้ โดยยึดหลักการเดียวกันในเรื่องการทำงานบริหารทางเวชปฏิบัติไม่น้อยกว่า 15 วันทำการต่อเดือนเป็นอย่างน้อย โดยให้มีคณะทำงานกำหนดในรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจน
3. ค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 ก.ค.44--
-สส-